วันที่ ๒๗ มีนาคม ๖๕ พรรคร่วมฝ่ายค้านจัดโครงการฝ่ายค้านพบประชาชน ทั่วไทยทวงคืนอำนาจประชาชน : บริหารล้มเหลวซ้ำซาก ประชาชนจน ประเทศเจ๊ง ที่จังหวัดน่าน
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เราจะไม่ล้มล้าง จะไม่ไปยึดอำนาจใคร แต่จะทวงคืนอำนาจกลับมาด้วยกติกาของกฎหมาย กิจกรรมนี้เกิดขึ้นเพราะตนต้องการฟังทุกภาคส่วน ในฐานะของตัวแทนประชาชน อยากฟังประชาชนให้ครบทุกภาค ไม่อยากฟังปัญหาของประชาชนภาคใดภาคหนึ่ง
รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่บริหารไม่เป็นทำงานไม่เป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้ามาเศรษฐกิจพัง และเมื่อเจอปัญหาโควิด-19 เข้ามาอีกก็ปิดประเทศ ล็อคดาวน์จนประเทศพัง ธุรกิจต่างๆเสียหายทำประเทศเจ๊ง เห็นได้จากหนี้สาธารณะของประเทศที่พุ่งไปถึง10ล้านล้านบาท หนี้ครัวเรือนก็เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่เวทีเสวนาส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย นายนิคม บุญวิเศษ กล่าวติดตลกบอกพรรคพลังปวงชนไทยเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุดของพรรคเล็ก ก่อนขยายความเพิ่มว่าใน 11 พรรคเล็กพรรคตนมีคะแนนมากที่สุดถ้าไม่โดนขโมยคะแนนไป ก่อนย้ำว่าพรรคพลังประชนไทยเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองชัดเจนและอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย
นายนิคม ยังได้พูดถึงนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาว่าชอบทำผิดซ้ำซาก ผิดแรกคือวันที่ 22 พ.ค.57 จากการยึดอำนาจอดีตนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของนายทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา เป็นนายกฯที่สร้างสนามบินสุวรรณภูมิสำเร็จ มีนโยบายที่จับต้องได้ ผลงานที่ดีมีอีกเยอะ ก่อนบอกต่อว่าเพราะเป็นคนเก่งและฉลาดจึงทำให้ถูกกลั่นแกล้ง จนทำให้สุดท้ายอยู่ในประเทศไม่ได้ ซึ่งตนรู้สึกเสียดายที่นายทักษิณนั้นไม่ได้อยู่บริหารประเทศต่อ พร้อมกล่าวย้อนว่าในช่วงนั้น ตนประกอบธุรกิจและรุ่งเรืองมาก หาเงินได้ง่ายกว่ายุคนี้
ส่วนผิดครั้งที่สองคือการสืบทอดอำนาจ ไหนบอกว่าจะมาไม่นาน บอกจะมาปราบโกง อยู่ไปมา 5 ปีไม่พอ กลับติดใจอำนาจ สุดท้ายกลายเป็นสืบทอดอำนาจให้ตัวเองได้อยู่ในตำแหน่งต่อ
หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ยังกล่าวถึงความผิดสุดท้ายคือการใช้งบประมาณที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ประเทศกลับแย่ลง พร้อมเชิดชูว่าพลเอกประยุทธ์เป็นคนเก่งที่สามารถทำคนรวยเป็นคนจนได้ ก่อนที่จะกล่าวถึงนโยบายโครงการจำนำข้าวในยุคของนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่ทำให้เกษตรกรมีอยู่มีกิน ลืมตาอ้าปากได้ แต่ปัจจุบันกลับตรงกันข้ามทำประเทศฝืดเคือง เศรษฐกิจย่ำแย่ เอื้อเฟื้อแต่พวกพ้องกับทุนผูดขาด ก่อนปิดท้ายด้วยการขอประชาชนว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าให้เลือกพรรคจากฝ่ายประชาธิปไตยเพื่ออนาคตที่ดีของทุกคน
