วันนี้ (27 ธ.ค.2565) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุถึงกรณีที่สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งฉายาให้รัฐบาลและรัฐมนตรีว่า ถือเป็นสีสันที่ทำกันมาทุกปี และมั่นใจว่า ผู้สื่อข่าวก็ไม่ได้จริงจังอะไร
นายอนุทิน ระบุถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงพื้นที่ จ.นครปฐม นอกเวลาราชการว่า ช่วงเวลานี้ต่างคนต่างแข่งขันกันทำความดีเพื่อประโยชน์ให้กับประชาชน ซึ่งพรรคภูมิใจไทยก็มีแนวทางของพรรค มียุทธศาสตร์และนโยบายของพรรค อย่ามองว่าเป็นการห้ำหั่นกัน
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังเปิดหน้าเล่นการเมืองเต็มที่นั้น นายอนุทิน ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีมา 8 ปีแล้ว และด้วยตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็คือ ตำแหน่งทางการเมือง จึงถือว่าเป็นนักการเมืองตั้งแต่วันแรก ที่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ส่วนความคืบหน้าในการเปิดตัวคนมีชื่อเสียงที่จะมาร่วมงานการเมืองกับพรรคภูมิใจไทยเพิ่มเติม นายอนุทิน ระบุว่า พรรคไม่ได้ปิดกั้น และไม่ได้ปิดประตูใส่ใครแม้แต่คนเดียว หากพร้อมมาทำงานร่วมกับพรรคภูมิใจไทยได้ พรรคก็ยินดีเสมอ
นายอนุทิน ยังวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองในปี 2566 ว่า เป็นปีที่จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งคนที่ตั้งใจจะสมัครเป็น ส.ส.ก็จะต้องทำงานกันอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องของการเตรียมตัวเลือกตั้ง และการนำเสนอนโยบายไปยังประชาชน กำหนดรูปแบบการปราศรัยที่แตกต่างกันไปถือเป็นงานใหญ่ของนักการเมือง จึงเชื่อว่าในช่วงเวลา 4-5 เดือนนี้ ต่างคนก็ต้องตามไปทำหน้าที่ของตนเอง
ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลจะยังเป็นสูตรเดิมหรือไม่ นายอนุทิน ย้ำว่าทุกอย่างต้องดูผลการเลือกตั้ง หากพูดไปล่วงหน้าว่าจะจับมือเป็นขั้วรัฐบาลกับใคร แต่ถ้าประชาชนไม่ได้เลือกตามเป้าหมายที่วางไว้ก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลแบบเดิมได้ เพราะพื้นฐานอยู่ที่ประชาชนเป็นผู้ตัดสินพรรคการเมือง และถ้าประชาชนเลือกพรรครัฐบาลปัจจุบันเกินกึ่งหนึ่งก็สามารถเดินหน้าต่อ
สำหรับพรรคภูมิใจไทยตั้งความหวังว่า จะขยับจากพรรคเล็ก พรรคกลางไปเป็นพรรคขนาดใหญ่ ต้องกำหนดทิศทางของตนเองให้ชัดเจน และจะต้องเป็นผู้กำหนดเกมบ้าง คงไม่ใช่การไปคอยตามพรรคอื่นที่จะจัดตั้งรัฐบาล แต่จะต้องทำให้พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคแกนนำให้ได้ ดังนั้นพรรคก็ต้องแสดงความพร้อมทุกด้าน แต่การจะเป็นพรรคแกนนำไม่สามารถจองล่วงหน้าได้ จึงต้องเน้นการนำเสนอแนวทางการทำงานให้ประชาชนเป็นผู้พิจารณา