เรทติ้งทะยานขึ้นเป็นลำดับ 2 ทันทีจากการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองของนิด้าโพลครั้งล่าสุด เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอบรับเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ
ขณะที่คะแนนนิยมลำดับ 2 ยังเป็นของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊ง) หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย
แม้ความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ จะได้เพียงร้อยละ 14 .05 ห่างจาก น.ส.แพรทองธารที่ได้ถึงร้อยละ 34.00 แต่การได้ความนิยมเหนือนายอนุทิน ชาญวีระกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมาเป็นลำดับ 7 และยังชุลมุนกับการดูด ส.ส.เข้าพรรค ทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติ โดดเด่นขึ้นมาทันที
อย่างไรก็ดี ผลสำรวจดังกล่าวอาจจะนับหนึ่งความนิยมของคู่ชิงนายกฯ ไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และหลังจากนี้ต้องรอดูผลสำรวจในครั้งต่อ ๆ ไป แต่ขณะนี้ดูแนวโน้มแล้วว่า การถูกเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะมาในฐานะสมาชิกที่มีสถานภาพเป็นประธานพรรคฯ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความโดดเด่นในฐานะ ว่าที่ประธานพรรคฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแรงดูดที่ทำให้เจ้าของฉายา “สามสี ภูเขาทอง” ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และอดีตรองนายกรัฐมนตรี, นายชุมพล กาญจนะ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี 7 สมัย, นายชัชวาลล์ คงอุดม หรือ “ชัช เตาปูน” ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังท้องถิ่นไท
และนายสมัย เจริญช่าง กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นวีไอพีชุดแรก ยอมเขียนสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติไปแล้ว
ส่วนที่ยังสงวนท่าทีคือ กลุ่มสามมิตร ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ยังไม่ชัดเจนว่า จะกลับพรรคเพื่อไทย หรือจะไปรวมสร้างชาติกับลุงตู่ แต่เชื่อว่ากลุ่มนี้คงประเมินแล้วว่า ไม่เลือกอยู่กับฝ่ายค้านในอนาคตแน่นอน
ด้าน ดร.ไตรรงค์ เปิดใจว่า เขาและ พล.อ.ประยุทธ์มีความเห็นตรงกันหลายเรื่อง มีความทุกข์ของประเทศร่วมกันหลาย ทุกข์ส่วนตัวไม่มี แต่เป็นทุกข์เรื่องของประชาชนและประเทศชาติ จึงพร้อมช่วยชาติเพราะยังไหว และเห็นด้วยกับนโยบายพรรคฯที่ต้องการแก้ไขปัญหาของประเทศใน 3 ประเด็น
ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น การแก้ไขปัญหาหนี้สินคนจน และเรื่องความสงบการรักษาดุลยภาพระหว่างซุปเปอร์พาวเวอร์ ต้องถ่วงดุลย์ให้ดี ไม่ให้เกิดการปั่นหัวให้คนไทยทะเลาะกันเอง
นั่นคือ นโยบายที่อดีต ส.ส.อาวุโสเห็นสอดคล้องกับพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ปัญหาสำคัญในขณะนี้ต้องไม่ลืมว่า รวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคการเมืองหน้าใหม่ แม้จะเกิดจากการรวมตัวของอดีต ส.ส.ส่วนใหญ่จากพรรคประชาธิปัตย์ และมีฐานเสียงหลักอยู่ในภาคกลางและภาคใต้
ขณะที่ฐานคะแนนการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ มีจุดชี้ขาดชนะ-แพ้ อยู่ในพื้นที่อีสานและภาคเหนือ ซึ่งปัจจุบันพรรคฯ ยังไม่มีตัวบุคคลหรือ “ขุนศึก” ที่มาคุมทัพ ขณะที่พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยมั่นใจว่าในพลังดูดว่าสามารถวางตัวผู้สมัครได้ครบทุกพื้นที่แน่นอน
วิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ยืนยันว่า นอกเหนือจากภาคใต้ ที่พร้อมส่งส.ส.ครบทุกเขตแล้ว ขณะนี้มีผู้เสนอตัวที่จะเป็นผู้สมัคร ส.ส. ในนามพรรคฯ ในพื้นที่ภาคอีสานครบทุกจังหวัดแล้วเช่นกัน
เช่น จ.อุดรธานี มีว่าที่ผู้สมัครของพรรค เช่น นายองอาจ วิเศษ ลงสมัครเขต 2 ดร.ณัฏยศ ผาจวง ลงสมัครเขต 3 นายมานิต อินทร์อำคา อดีต ส.จ.อุดรธานี ลงสมัคร เขต 5 นายธนวัฒ ขันทะวิชัย ลงสมัครเขต 6และ น.ส.อรัญญา ใจมั่น รองนายกเทศบาล ลงสมัครเขต 7
ขอนแก่น มี ดร.วุฒิพงศ์ ศุภรมย์ ลงสมัครเขต 5 และ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ลงสมัครเขต 10 และนายสมชาย โตเจริญ
ส่วน จ.บึงกาฬ มี นายเทียบประสิทธิ์ วรกุมมาร และจังหวัดภาคอีสานอื่นๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ต้องยอมรับว่า การนำทัพสู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่คำรบของพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ง่าย แม้จะได้กลุ่มวีไอพี-พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นคีย์แมนหลัก ยังไม่อาจทำให้พรรคฯแข็งแกร่งได้ แต่กำหนดยุทธศาสตร์การวางตัวผู้สมัครในแค่ละพื้นที่ การหาทุนมาใช้ในทางการเมือง คือ สิ่งสำคัญ ดังนั้นการศึกครั้งหน้าพรรคนี้หืดจับแน่