แม้พรรคเพื่อไทยจะคาดหมายในชัยชนะเลือกตั้ง ด้วยแลนด์สไลด์ มากกว่า 250 ส.ส.ในสภาฯ 500 ที่นั่ง แต่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยอมรับว่า อาจนำทัพไปไม่ถึงเป้าที่วางไว้
ด้วยประเมินแล้วว่าการแข่งขัน-ช่วงชิง คงไม่เพียงแต่ “กฎ-กติกา” ที่กดทับอยู่ แต่ยังมี “วิธีการนอกรัฐธรรมนูญ” เข้ามาลดเป้าหมายของพรรคด้วย
ไม่ฟันธงถึงอนาคต บอกได้เพียงว่า วินาทีนี้ ยังมั่นใจกับผลการเลือกตั้งครั้งหน้าว่าจะได้เก้าอี้ในสภาฯ แบบแลนด์ไลด์ หรือมากกว่า 250 ที่นั่งตามที่ประกาศไว้หรือไม่ แต่ก็ยืนยันว่า การลงพื้นที่หาเสียง รวมทั้งในภาคใต้ มีเสียงตอบรับดี ขณะเดียวกันผลสำรวจ หรือโพลก็ชี้ในทางบวก
ส่วนคู่แข่งทางการเมือง โดยเฉพาะพื้นที่ฐานเสียงของพรรค “อีสานและเหนือ” ย่อมต้องไม่ประมาท แม้จะมั่นใจในตัวบุคคล นโยบายและพรรค หากแต่พรรค ที่ก้าวเข้ามาเป็นคู่แข่งในสนามต่างก็ประเมินศักยภาพของตัวเองมาแล้ว ว่าจะสู้พรรคเพื่อไทยได้เช่นกัน
รศ.พรชัย เทพปัญญา อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ มองว่า การที่จะไปสู่เป้าหมายแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย เป็นเรื่องยากเพราะสนามเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น ไม่ได้แข่งกันด้วยองค์ประกอบตามกฎหมาย โดยเฉพาะนโยบายและชื่อนายกฯ ในบัญชีของพรรค แต่ยังต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยทางการเมืองที่เรียกว่า “ทุน” ด้วย
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ มองว่า หากพรรคเพื่อไทย จะนำไปสู่การได้ที่นั่ง ส.ส.ในสภาฯมากที่สุด ก็ไม่จำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์พรรคใหม่ แต่ต้องระวังการเสนอนโยบาย ด้วยจะเกิดคำถามว่า ทำได้จริงหรือไม่
และเมื่อย้อนไปดูสถิติการเลือกตั้งของพรรคที่ยึดโยงอยู่กับคนในตระกูลชินวัตร อย่างปี 2544 พรรคไทยรักไทย ได้ ส.ส.จำนวน 248 ที่นั่งในสภา ปี 2548 พรรคไทยรักไทย ได้ ส.ส.จำนวน 377 ที่นั่ง ในปี 2550 พรรคพลังประชาชน ได้ ส.ส.จำนวน 232 ที่นั่ง ในปี 2554 พรรคเพื่อไทย ได้ ส.ส.จำนวน 265 ที่นั่ง
ส่วนปี 2562 พรรคเพื่อไทย ได้ ส.ส.จำนวน 136 ที่นั่ง เฉลี่ยแล้ว เก้าอี้ในสภาฯ ของค่ายนี้..จะลดลงหรือเพิ่มขึ้น อยู่ที่เงื่อนไขของคู่แข่งในสนามเลือกตั้ง ซึ่งครั้งหน้าปี 2566 อาจไม่ต่างจากครั้งที่แล้ว ปี 2562 ด้วยคู่แข่งที่มากหน้า-หลายตา ทั้งข้ามขั้วและในขั้วเดียวกัน