วันนี้ (11 ม.ค.2566) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้การต้อนรับนายวีระกร คำประกอบ อดีต ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เข้าสู่พรรคภูมิใจไทย โดยจะเป็นว่าที่ผู้สมัครเขต 2 จ.นครสวรรค์ และนายฑีฆะพล ทวีเกื้อกูลกิจ ว่าที่ผู้สมัครเขต 2 จ.ตาก ที่สมัครสมาชิกแบบตลอดชีพ
นายอนุทิน ระบุว่า การเปิดตัวคนการเมืองเข้าพรรคภูมิใจไทย ไม่ขอพูดว่าคนสนใจเข้ามา แต่เป็นคนที่มีความพร้อมที่จะเป็นผู้แทนราษฎร และคนที่จะเข้ามาพรรคต้องศึกษาแนวทาง นโยบาย เจตนารมณ์ ของพรรคภูมิใจไทย จึงถือว่าเป็นที่ต้อนรับของพรรคภูมิใจไทยทุกคน
“อนุทิน” รับเคมีการเมืองตรงกัน
รวมถึงนายวีระกรที่ไม่ได้ทาบทาม แต่เจอกันในสภาฯเกิดปิ้งกัน ถูกใจ และได้เจอเมื่อครั้งที่ไปเปิดโรงพยาบาลสวรรค์ประชารัฐ ใน จ.นครสวรรค์ ที่ดูแลต้อนรับ รวมถึงแนะนำให้คนนครสวรรค์ได้รู้จัก จึงเห็นการทำงานให้ประชาชนที่มีแนวทางสอดคล้องกันและไม่ห่วงเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์ใด ๆ หากทุกคนวิพากษ์ในเชิงสร้างสรรค์ก็สามารถรับฟังได้ ขณะเดียวกันต้องไม่ทำตัวให้ถูกตำหนิติเตียนจากนายวีระกร
ส่วนกรณีมี ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐ มาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยหลายคน ชี้ว่า เป็นเรื่องปกติทางการเมืองในช่วงก่อนสนามเลือกตั้ง ที่มี ส.ส.ย้ายสังกัดพรรค เพราะต้องคำนึงถึงการทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
นายอนุทิน ปฏิเสธข้อสังเกตการดูด ส.ส.จากพรรคการเมืองอื่น แต่ชี้แจงว่าเป็นแรงดึงดูดต่อกัน เป็นพลวัตแรงดึงดูดตามหลักฟิสิกส์ เหมือนรถเล็กถูกรถบรรทุกดูดเวลาขับสวนกัน ซึ่งพรรคกำลังขับเคลื่อนนโยบาย โดยเฉพาะช่วงสุดท้ายของสภาผู้แทนราษฎรในสมัยนี้
นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังปฏิเสธข้อสังเกตทางการเมืองที่มีผู้สมัครเข้าพรรคภูมิใจไทยว่าเพราะถูกซื้อตัว โดยได้ถามว่า มีใครถูกซื้อได้ด้วยเงินซึ่งถ้าเงินเป็นปัจจัยที่สามารถซื้อตัว ส.ส.ได้ ก็ไม่ต้องแข่งขันกันเรื่องนโยบาย เรื่องการทำงานหรือการฟาดฟันทางการเมืองขนาดนี้
แต่พรรคภูมิใจไทยเป็นเอกเทศ และมั่นใจว่าสิ่งเดียวที่จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน คือความตั้งใจทำงานและนโยบายที่นำเสนอและสิ่งที่ให้คำมั่นสัญญากับประชาชนไว้ที่บอกว่า “พูดแล้วทำ”
2 เหตุผลย้ายซบ “ภูมิใจไทย”
ด้านนายวีระกร คำประกอบ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครสวรรค์ พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยภายหลังการสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่า ไม่ขอให้ใครตามมาพรรคภูมิใจไทยด้วย เพราะต้องเคารพพรรคเก่าด้วย ย้ำว่า พรรคเก่าเป็นพรรคที่ดี ไม่ใช่ลาออกเพราะพรรคไม่ดี หัวหน้าพรรคใจดี
แต่สาเหตุที่ย้ายมี 2 เหตุผล คือ 1.มีความคล่องตัวในการทำงานการเมืองมากกว่า ซึ่งได้พบเจอกันในสภาฯเนื่องจากเป็นนักการเมืองด้วยกัน สามารถพูดคุยกันได้ตลอด หากอยู่พรรคเดิมอาจต้องใช้เวลาในการพบกับหัวหน้าพรรค ต้องมีช่วงระยะเวลาถึงจะได้พบ ไม่ใช่พบกันแบบง่าย ๆ
2.ตนมั่นใจในนโยบายของพรรคภูมิใจไทยที่สามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้หลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพราะเป็นรถไฟฟ้าที่เป็นไข่แดง ใจกลาง กทม.หากขายสัมปทานไปแล้ว จะไม่สามารถต่อรองค่าโดยสารจึงไม่มีเหตุผลต้องขาย
เรื่องดังกล่าวพรรคภูมิใจไทยมีนโยบายที่ชัดเจนไม่ยอมขายสัมปทานต่อให้ผู้ถือสัมปทานเดิมก็จะทำให้หลังปี 2572 พรรคภูมิใจไทย ถ้าเป็นแกนนำรัฐบาลจะมีนโยบายให้ประชาชนใช้รถไฟฟ้าขาหนึ่งไม่เกิน 40 บาทอย่างแน่นอน
นายวีระกร ยอมรับว่า ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร มาแล้วกว่า 2 – 3 เดือน และตนได้อธิบายให้เข้าใจว่า มีปัญหาอย่างไรในการทำงาน ซึ่งได้เล่าให้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐฟังว่า ไม่คล่องตัวในพรรคพลังประชารัฐ การรอฟังหัวหน้าพรรคนั้นนานเกินไป ไม่คล่องตัว ต้องเข้าตามระเบียบ ไม่เหมือนนักการเมืองที่เจอทุกวันในการประชุมสภาฯ
เมื่อถามว่า แต่ พล.อ.ประวิตร ก็เคยให้ตำแหน่ง รองเลขาธิการ พรรคพลังประชารัฐ นายวีระกร กล่าวว่า หัวหน้าพรรคคงเข้าใจว่า ตนจะลาออกจึงให้ตำแหน่งนี้มาตน จึงบอกไปว่าจะเริ่มทำงานพรุ่งนี้ เลยเพราะคิดว่าต่อไปคงได้เข้าพบง่าย
เมื่อถามว่า แล้วอะไรคือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ออกจากพรรคพลังประชารัฐ นายวีระกร กล่าวว่า เพราะหัวหน้าพรรคบอกว่า “จะทำอะไรให้มาขอผมก่อน” ซึ่งตนทำไม่ได้ พร้อมย้ำว่า การจะเข้าไปมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดจะต้องแลกบัตร รถจึงจะเข้าไปได้และต้องนั่งรอครึ่งชั่วโมงถึง 1 ชม.กับผู้ใหญ่ก็ต้องรอ
แต่กับนักการเมืองด้วยกันไม่ต้องรอ เจอกันก็คุยกันได้เลย คล่องตัวกว่า ซึ่งนายอนุทิน ก็ให้ความเมตตาและเข้าใจในเรื่องเกษตรกร ซึ่งนายอนุทินจึงได้ชวนตนมาให้ดูเรื่องนี้ด้วย
มั่นใจ “ภท.” เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล
นายวีระกร ยังมั่นใจว่า พรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำรัฐบาลแน่นอน หากดูจำนวน ส.ส.เชื่อว่า ไม่ต่ำกว่า 120 คน และพรรคภูมิใจไทย จะมี ส.ส.มากที่สุด เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเป็นพรรคที่แข็งแรงที่สุดได้
หลายคนทราบดีว่า พรรคพลังประชารัฐเป็น 2 พรรคแล้ว คือ พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงตอบไม่ได้ว่า 2 พรรคนี้จะได้ ส.ส.เท่าไหร่ แต่พรรคภูมิใจไทยจะได้ ส.ส.มากที่สุด
ทั้งนี้ เมื่อ ส.ว.หมดอำนาจตามมาตรา 272 ที่จะสามารถเลือกนายกฯ ได้ คือในวันที่ 6 เม.ย.2567 พูดได้ว่าหากตั้งรัฐบาลได้ไม่ถึง 1 ปี สมมติว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับเลือกจากรัฐสภาให้เป็นนายกฯต่อ ก็จะอยู่ได้โดยที่มีอำนาจของ ส.ว.สนับสนุนอีกเพียง 10 เดือน ต่อจากนี้ก็เชื่อว่าเป็นโอกาสของภูมิใจไทย
เชื่อ “อนุทิน” เป็นนายกฯต่อ “ประยุทธ์”
เมื่อถามย้ำว่า หมายถึงว่า นายอนุทินจะได้เป็นนายกฯ ต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ ใช่หรือไม่ นายวีระกร กล่าวว่า ไม่ทราบแต่มี ส.ส.มากที่สุด คิดเอาแล้วกัน
เมื่อถามย้ำอีกว่า มั่นใจว่า นายอนุทินจะได้เป็นนายกฯหรือไม่ นายวีระกร กล่าวว่า มั่นใจ แต่ไม่ใช่เลือกตั้งครั้งต่อไปใน 1-2 ปีข้างหน้า
เมื่อถามซ้ำอีกครั้งว่า สรุปว่า นายอนุทินจะได้เป็นนายกฯ ต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ใช่หรือไม่ นายวีระกร กล่าวว่า ก็น่าจะเป็นต่อ
เมื่อถามว่า ต่อไปก็จะไม่มีองครักษ์พิทักษ์ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ในสภาฯ ใช่หรือไม่ นายวีระกร กล่าวว่า การที่เราจะอยู่พรรคไหน เราก็ต้องซื่อสัตย์กับพรรคนั้น
แต่ยืนยันว่า สิ่งที่ตนพูดปกป้องในสภาฯ นั้นมีเหตุผล ไม่เคยโต้เถียงกับฝ่ายตรงข้าม และย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์มีความดี ทำความดีไว้มาก เห็นได้จากการฟื้นสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียในรอบ 30 ปี รวมถึงโครงการอีอีซี ซึ่งก็เป็นผลงานเด่น