วันนี้ (18 ม.ค.2566) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. กัญชา กัญชง กล่าวภายหลังการพิจารณาล่ม ในระหว่างการพิจารณากฎหมายดังกล่าว ว่า กรรมาธิการฯ ไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงเสนอร่าง
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะสะท้อนให้ประชาชนได้เห็นว่า นักการเมืองเล่นเกมการเมืองมากกว่าผลประโยชน์ของประชาชนในเรื่องกัญชา
ขณะเดียวกัน เชื่อว่า มีนักการเมืองบางกลุ่มไม่อยากให้มีกฎหมาย เพื่อหวังนำไปสู่การหาเสียงเลือกตั้ง
ภาคประชาชนขอให้ประธาน เปิดรายชื่อ ส.ส.ที่ไม่ลงมติในที่ประชุมว่าพรรคการเมืองไหน ก็จะได้รู้ว่า ส.ส.ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง กินภาษีประชาชนในเรื่องกฎหมายสำคัญ
กรรมาธิการฯ ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ยังกล่าวย้ำว่า ร่างกฎหมายทำหน้าที่ดูแลกัญชาโดยเฉพาะทั้งมิติการใช้ประโยชน์ การควบคุม และบทลงโทษ ซึ่งไม่มีกฎหมายใดมีประสิทธิภาพเท่ากับกฎหมายฉบับนี้
อย่างไรก็ตาม หากปิดสมัยประชุมแล้ว ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังไม่ผ่านก็จะไม่ส่งผลต่อประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด
ขณะเดียวกัน ผู้ที่มีอำนาจในการลงนาม กรณีจะให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข
นายปานเทพ เชื่อมั่นว่า ช่วงเวลาที่เหลืออยู่หากต้องการพิจารณาให้ทัน จะประชุมเพียง 3 ครั้ง ก็สามารถทำได้ คือ การอภิปรายให้น้อยและโหวตให้มาก เพราะขณะนี้พิจารณาได้ 11 มาตรา และอื่น ๆ อีกกว่า 80 มาตรา
เหตุการณ์สภาฯล่มเป็นเกมการเมืองชัด ๆ แต่กรรมาธิการฯ ยังไม่หมดหวัง หากสมาชิกไม่เห็นด้วยกับเนื้อหา ก็สามารถโหวตแก้ไขได้ และจนถึงขณะนี้ในการพิจารณา ยังไม่มีใครไม่เห็นด้วยกับกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก
พร้อมแนะว่า ส.ส.ที่ไม่พร้อมทำหน้าที่ควรละอายต่อตัวเอง และต่อประชาชน และควรลาออกจาก ส.ส.ไปเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งไปหาเสียง แต่ไม่ใช่มากินเงินเดือนภาษีประชาชนแล้วไม่มาประชุมสภาซึ่งแบบนี้ใช่ไม่ได้
นายปานเทพ ย้ำว่า เป็นยุคหนึ่งที่การประชุมสภามีการขาดประชุม ไม่ครบองค์ประชุมบ่อยที่สุดในประวัติการณ์