ในที่สุดนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ก็มีคำสั่งปลด นพ.ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ้นตำแหน่งให้ไปรักษาการ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และให้ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มารักษาราชการแทนตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ตั้งแต่วันนี้ (18 ม.ค.)
แม้ก่อนหน้านี้ นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม จะออกมาระบุว่า กระทรวงยุติธรรม ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) จำนวน 7 นาย หลังศาลอนุมัติหมายจับ
กรณีตำรวจขออนุมัติหมายจับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ในข้อหาเรียกรับผลประโยชน์แก๊งจีนสีเทากว่า 20 ล้านบาท หลังบุกค้นบ้านพักที่อ้างว่าเป็นสถานกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย แลกการปล่อยตัว เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2565
อ่านข่าวเพิ่ม เด้งฟ้าผ่า “ไตรยฤทธิ์” พ้นอธิบดี DSI เซ่นปมทุนจีนสีเทา
แม้ก่อนหน้านี้ อธิบดีดีเอสไอจะสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมให้ดำเนินการทางวินัยตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 แล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เกิดขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกจากราชการไว้ก่อน หรือสั่งสอบวินัยร้ายแรง จนเกิดข้อครหาในหมู่ข้าราชการดีเอสไอว่า ผู้นำไม่รักษาภาพลักษณ์ขององค์กร เนื่องจากคดีที่เกิดขึ้นสั่นคลอนความรู้สึกของประชาชนมีผลต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในภาพรวม
มีรายงานข่าวจากกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า หลังเกิดเหตุการณ์อื้อฉาว นายสมศักดิ์ ได้เรียกอธิบดีดีเอสไอเข้าพบ และขอให้เร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่เรียกรับสินบนในคดีนี้และคดีอื่นๆ เนื่องจากระยะหลังมักจะมีข่าวเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ ในหลายคดีตามที่ปรากฏเป็นข่าว แต่อธิบดีดีเอสไอ กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตว่า แม้สารตั้งต้นของคดีนี้จะเกิดจาก รองกงสุลใหญ่ปฏิบัติราชการแทนกงสุลใหญ่นาอูรูประจำประเทศไทย ได้ส่งหนังสือลงวันที่ 9 ธ.ค.2565 ถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอให้ช่วยเหลือและตรวจสอบสถานกงสุลใหญ่ ได้มีการเช่าบ้านพักส่วนตัวนอกพื้นที่ของที่ทำการกงสุล และมีการดำเนินผิดกฎหลายประการ
อ่านข่าวเพิ่ม จับ 16 จนท.ดีเอสไอ-ตำรวจ เรียกรับผลประโยชน์นายทุนจีนสีเทา
โดยเฉพาะให้คนเอเชียที่น่าเชื่อว่าเป็นคนสัญชาติจีน เข้ามาใช้สถานที่ดังกล่าวนอกเหนือจากการพักอาศัย มีการเข้าออกที่พักตลอดทั้งวันจนผิดสังเกต รบกวนเพื่อนบ้าน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่สถานทูตของประเทศอื่นๆ ที่พักอาศัยใกล้เคียงกัน และอาจเป็นเรื่องกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และความมั่นคงระหว่างประเทศนาอูรูและประเทศไทย
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า จากการสอบสวนขยายผลพบว่า ผู้ทำหน้าที่ประสานมายังตำรวจ 191 เป็นระดับ ผอ.กองของดีเอสไอ โดยมีหน้าห้องของอธิบดีเอสไอโทรศัพท์ไปยัง รอง ผบช.น. ก่อนจะสั่งการให้ 191 ร่วมทำงานด้วย
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ย้ำว่า “รายการนี้ไม่มีใครตายเดี่ยว” และจะต้องสอบสวนหน้าห้องของอธิบดีดีเอสไอ เนื่องจากชุดทำงานนี้ ขึ้นตรงกับอธิบดีดีเอสไอ โดยเฉพาะตำแหน่งระดับ ผอ.กอง ก็ต้องไปไล่ดูว่าใครสั่งการ และที่น่าแปลกใจก็คือ หนังสือขออนุมัติทำภารกิจ กลับไม่มีเลขหนังสือ ซึ่งต้องไปดูว่า กระทำโดยมีอำนาจหรือไม่
การ ”ทิ้งบอมบ์” ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ย้ำว่า งานนี้ไม่มีใครตายเดี่ยว ไม่ได้ทิ้งระยะเวลานานนัก หลังจากเมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่ผ่านมา หลังจากประชุม ครม. เสร็จ มีรายงานข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีการพูดคุยกับนายสมศักดิ์ รมว.ยุติธรรม และเข้าใจว่าอาจมีประเด็นนี้ด้วย ไม่เช่นนั้นคำสั่งปลดดังกล่าวคงจะไม่ออกมา
แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรม ยอมรับว่า สำหรับรายชื่อเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ปรากฏตามที่สื่อเสนอ เป็นข้าราชการระดับชำนาญการทั้งหมด ยกเว้น ผอ.กอง ซึ่งไม่มีหน้าที่ในการตรวจค้นหรือจับกุม เพราะรับผิดชอบงานด้านกลั่นกรองคดีและการข่าว กองปฏิบัติการพิเศษภาค
นอกจากนี้ยังมีข้าราชการมีหลายคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีแต่ทำหน้าที่ประสานงานในคดีนี้ซึ่งอยู่ระหว่างถูกเรียกสอบ โดยเฉพาะทีมกุนซือที่คอยให้คำปรึกษา
อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้ผลการสอบสวนเจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการที่เรียกรับผลประโยชน์ ยังไม่ปรากฏชัด แค่เริ่มต้นตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ยังไม่มีใครตายหมู่
ยกเว้นอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งตายเดี่ยวล่วงหน้าไปก่อนแล้วเมื่อช่วงบ่ายวันนี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดีเอสไอตั้งกรรมการสอบปม จนท.ถูกออกหมายจับเรียกรับเงิน
“บิ๊กโจ๊ก” เผยเตรียมเรียกสอบ ตม. 80 นาย พร้อม 3 นายพล เอื้อทุนจีนสีเทา