วันนี้ (23 ม.ค.2566) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุถึงการลงพื้นที่ กทม.เป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ว่า ตื่นเต้นดีและถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชนในชุมชน
เมื่อวานนี้ (22 ม.ค.2566) ได้ลงพื้นที่ย่านห้วยขวาง และได้รับทราบปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่มากขึ้น พร้อมทั้งจะลงพื้นที่อื่น ๆ ใน กทม.ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
มั่นใจว่าจะปักธง ส.ส.ใน กทม.ได้ ซึ่ง กทม.เป็นพื้นที่สำคัญที่พรรคภูมิใจไทยต้องการจะเสนอตัวเข้ามาดูแลเต็มที่เช่นเดียวกับในต่างจังหวัดที่มี ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยแล้ว
หากมี ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย อยู่ใน กทม.ก็น่าจะช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ และช่วยกันทำงานให้เกิดประโยชน์กับประชาชนให้ได้มากที่สุด ถือเป็นการเสริมการทำงานของผู้ว่าฯ กทม.
ทั้งนี้พรรคจะชูผลงานช่วง 4 ปี ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลให้คนกรุงเทพฯได้เห็นว่าสามารถผลักดันนโยบายที่ใช้หาเสียงเลือกตั้งให้เป็นรูปธรรมได้จริง และเป็นพรรคที่ไม่มีความขัดแย้งกับใคร ไม่ด้อยค่าการหาเสียงของพรรคใด
นายอนุทิน ยังระบุถึงนโยบายเรื่องค่าโดยสารรถสาธารณะว่า ทุกครั้งที่พรรคภูมิใจไทย จัดทำนโยบายจะมีการศึกษาวิจัย ประเมินถึงความคุ้มค่าการลงทุน รวมไปถึงประโยชน์สูงสุดที่ประชาชนจะได้รับ จึงมั่นใจว่าทุกนโยบายสามารถทำได้จริง ไม่ได้พูดเพียงเพื่อหาเสียง แต่ต้องให้ทุกฝ่ายวิน-วินทั้งผู้ประกอบการ ภาครัฐและประชาชน
นายอนุทิน ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยมีความพร้อมในการเลือกตั้งไม่ว่านายกฯจากยุบสภาหรือไม่ เพราะต่อให้นายกฯ ไม่ยุบสภาก็เหลือเวลาอีกไม่เกิน 2 เดือน และเมื่อนายกฯตัดสินใจร่วมงานกับพรรคการเมืองจึง คาดเดาว่า การยุบสภาน่าจะเกิดขึ้นก่อน 2 เดือนนี้ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยพร้อมมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
ส่วนการลงพื้นที่เยาวราชของนายกฯ นั้นก็เป็นเรื่องปกติของพรรคการเมืองในการพบปะประชาชน ซึ่งไม่ใช่นายกฯที่ลงพื้นที่เพียงคนเดียว แต่ยังมีพรรคการเมืองอื่นด้วย
การลงพื้นที่เป็นเรื่องดีในการเข้าถึงประชาชน และรับทราบปัญหาที่แท้จริง เพราะจากที่ลงพื้นที่ห้วยขวางเมื่อวานนี้ (22 ม.ค.66) ทำให้เห็นว่าคน กทม.ไม่ได้มีชีวิตคนเป็นอยู่ที่ดีกว่าคนในต่างจังหวัด และคนต่างจังหวัดบางพื้นที่อาจจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า โดยเฉพาะในชุมชนแออัด เช่น ชุมชนริมทางรถไฟ ซึ่งต้องหาทางออกที่เหมาะสม ไม่ใช่การดูแลแค่คนที่มีทะเบียนบ้านเท่านั้น
พร้อมย้ำว่า ให้กำลังใจทุกพรรค ไม่เฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น และในโอกาสเทศกาลตรุษจีนก็ขออวยพรให้หัวหน้าพรรคทุกพรรค เพราะเชื่อว่า ทุกคนมีความปรารถนาดี แต่ขึ้นอยู่กับประชาชนจะตัดสินใจเลือกเข้ามาทำงาน
ส่วนที่มองว่ากระแส “ลุงตู่” ได้รับการตอบรับที่ดีนั้น นายอนุทินระบุว่า กระแส “ลุงหนู” ก็ดีเหมือนกัน เพราะได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างดีมาก ซึ่งการเป็นนักการเมืองพร้อมย้ำว่า หัวหน้าพรรคถือว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและการตัดสินใจเข้ามาทำงานการเมืองใน กทม.เพราะเห็นว่าคน กทม.เริ่มรู้จักพรรคภูมิใจไทยมากขึ้น
ส่วนจะประสบความสำเร็จมากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับชาว กทม.และต่อให้ได้หรือไม่ได้ ส.ส.กทม.พรรคก็ต้องทำงานอยู่ดี แต่หากได้ ส.ส.กทม.เสริมเข้ามาก็จะทำให้พรรคภูมิใจไทยแข็งแกร่งมากขึ้น
นายอนุทิน ย้ำว่า ถึงเวลานี้เลิกพูดได้แล้วว่าพรรคใดเป็นประชาธิปไตย ไม่เป็นประชาธิปไตย หรือ มองว่า พรรคเป็นพรรคดูด เพราะพรรคภูมิใจไทยก็ถูกดูด ถือว่าพรรคมีองค์ประกอบครบเหมือนพรรคการเมืองอื่น ๆ มีคนเข้าและคนออกไป ส่วนวาทกรรม “ไล่หนูตีงูเห่า รับใช้เผด็จการ” เป็นเรื่องที่พูดกันไป แต่สิ่งที่เห็นวันนี้ก็พิสูจน์ทุกอย่างแล้ว