วันนี้ (13 ก.พ.2566) แกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค, นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค และประธานวิปฝ่ายค้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และวิปฝ่ายค้าน แถลงเรื่องการอภิปรายทั่วไป 152 ในวันที่ 15 – 16 ก.พ.นี้
การอภิปรายเรื่องหลักที่จะสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตามที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสถา โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วน 12 ด้าน
พร้อมชี้ว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นระหว่างการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลนี้ มีหลายประเด็นที่ยังสงสัย เช่น ธุรกิจสีเทาต่าง ๆ ภัยด้านเทคโนโลยี ภัยด้านยาเสพติด การทุจริต ที่ถูกหยิบยกถาม ครม.ส่วนเรื่องเสนอแนะคือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นที่จะเสนอต่อ ครม.เช่นกัน
ส่วนสิ่งที่ประชาชนสนใจคือ ข่าวการปิดกั้นการอภิปราย โดย ส.ส.รัฐบาลอาจไม่เป็นองค์ประชุม แต่ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านไม่เชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น และการจงใจฝ่าฝืนไม่ทำหน้าที่ ย่อมส่งผลกระทบต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
แต่หากเกิดขึ้นจริงฝ่ายค้านมีมาตรการรองรับ คือ 1.การอภิปรายนอกสภาฯ ซึ่งรัฐบาลจะเสียโอกาสในการชี้แจง หากจำเป็นต้องทำและญัตติยังไม่จบจนกว่าจะปิดสมัยประชุมในวันที่ 28 ก.พ.
2.เชื่อว่าการปิดกั้นจงใจไม่ได้ให้มีการตรวจสอบ เป็นการจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ และจะพิจารณาดำเนินการตามข้อกฎหมาย
3.สิ่งที่เกิดขึ้นหากไม่ได้อภิปราย จะกลายเป็นประเด็นฟ้องต่อประชาชนในสนามเลือกตั้ง
นายสุทิน ระบุว่า ฝ่ายค้านภูมิใจที่ได้ทำการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ ไม่ให้มีช่องว่างให้รัฐบาลทำอะไรไม่ดี และครั้งนี้เป็นการตรวจข้อสอบไฟนอลให้ประชาชนรับทราบ
โดยเฉพาะนโยบายที่แถลงให้ไว้กับประชาชน เช่น นโยบายด้านความมั่นคง แต่รัฐบาล คือ ผู้ทำลายความมั่นคงเอง ซึ่งเมื่ออภิปรายจบจะได้เห็นว่า การบริหารของรัฐบาล ตามไม่ทัน อาชญากรรมยุคใหม่
การล่มองค์ประชุม ในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีรัฐบาลล้มเวทีอภิปราย ก็จะเป็นข้อครหาว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ที่จะขอเป็นนายกฯอีก แต่ปฏิเสธการตรวจสอบจะถูกข้อหาหนีความผิด หนีการตรวจสอบ ปิดกั้นการรับรู้ของประชาชน พร้อมย้ำการอภิปรายตามมาตรา 152 ในการซักถามและเสนอแนะอาจจะสะท้อนถึงความล้มเหลวของรัฐบาล
ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ย้ำความพร้อมในการอภิปรายทั้งเรื่องเนื้อหาและประเด็น มี 2 วันการอภิปรายเวลาวันแรก ฝ่ายค้านจะอภิปราย 12 ชม.และรัฐบาลชี้แจง 3 ชม.
วันที่ 2 ฝ่ายค้านอภิปราย 12 ชม.ที่เหลือเป็นรัฐบาลชี้แจง โดยฝ่ายค้านเตรียมผู้อภิปรายรวม 35 คน เปิดโดยผู้นำฝ่ายค้าน และตามด้วยหัวหน้าพรรคและผู้แทนหัวหน้าพรรค ก่อนจะเข้าเนื้อหาการอภิปรายกลุ่ม “เศรษฐกิจ-สังคม-เศรษฐกิจ-การเมือง-ปัญหาการทุจริต”
เชื่อ ส.ว.ดักทางแลนด์สไลด์ขวาง “แพทองธาร”
นอกจากนี้ นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงกรณีที่นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ส.ว.จะขวาง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ไม่ให้ขึ้นเป็นนายกฯ แม้ว่าพรรคจะแลนด์สไลด์ว่า เป็นการให้ความเห็นที่สุ่มเสี่ยงและละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน และชี้แจงว่า การตั้งเป้า ส.ส.250 เพื่อยกสถานะเทียบเท่าจำนวน ส.ว.โดยไม่ได้ดูหมิ่น ส.ว.แต่อย่างใด
เพียงแต่เชื่อว่าหากพรรคเพื่อไทยชนะมากกว่า 250 เสียงขึ้นไปก็จะเป็นอาณัติของประชาชน หวังว่า ส.ว.จะเคารพเสียงของประชาชน ขณะเดียวกันเห็นว่าความเห็นที่ออกมาไม่ใช่ความเห็นของ ส.ว.ทั้งหมด ขออย่าเหมารวมว่าเป็นความเห็นของ ส.ว.
ขณะที่นายสุทิน กล่าวว่า หากพิจารณาที่มาที่ไปของ ส.ว.ผู้ที่ออกมาพูดเรื่องนี้ ว่ามีที่มาจากการแต่งตั้ง และเมื่อเข้ามาแล้วทำภารกิจอะไร คือการช่วยเหลือและสนับสนุนปกป้องคนที่แต่งตั้งมา
ตามที่ให้สัมภาษณ์ว่าจะเลือกแค่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ เท่านั้น และ ส.ว.ถูกแต่งตั้งเข้ามาเพื่อมีภารกิจในการด้อยค่าประชาธิปไตย คือ ที่สืบทอดอำนาจให้เผด็จการ จึงมีการทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ฝ่ายประชาธิปไตยเข้ามามีอำนาจ และทำให้ฝ่ายเผด็จการมีชัยชนะต่อ
การพูดของเขาออกมาบลัฟ ประชาชนและด้อยค่าการเลือกตั้ง และตีปลาหน้าไซไว้ก่อนว่า จะต้องให้ 2 ท่านนี้เป็นนายกฯต่อไปเท่านั้น เขาพูดถึงตัวตนและเจตนาของเขาชัดเจน เขาทำหน้าที่ของเขามาตลอด ดังนั้นฝ่ายประชาธิปไตยต้องทำหน้าที่ของประชาชน ต้องเอาชนะ ส.ว. ต้องเลือกฝ่ายประชาธิปไตยให้มากที่สุด ไม่จำเป็นต้องเกินครึ่งหนึ่งของรัฐสภา เพียงแต่เกินครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร เราก็สามารถตั้งรัฐบาลได้ อย่ามายก 250 มาขู่ เราไม่ได้คาดหวังกับ 250 ส.ว.อยู่แล้ว