วันนี้ (16 ก.พ.2566) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังเดินทางไปยังอาคารรัฐสภาเพื่อเข้าร่วมการพิจารณาการเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 2 โดยระบุว่า ขอบคุณฝ่ายค้านที่ได้พูดประเด็นปัญหาหลายอย่าง บางเรื่องก็สะสมมานาน รัฐบาลก็พยายามแก้ไข และจะนำไปสู่นโยบายของพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่จะไปแก้ไขปัญหาให้ประชาชนในรัฐบาลหน้า เพราะรัฐบาลนี้คงไม่ทันแล้ว
นายชัยวุฒิ ยังบอกอีกว่า เรื่องธุรกิจสีเทา รัฐบาลก็พยายามปราบปรามอยู่ แต่ที่ช่วงนี้มีมาก เพราะ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ตำรวจปราบปรามอย่างจริงจัง
จริง ๆ ธุรกิจสีเทานี้ทำมานานแล้ว ทำมาเป็น 10 ปีแล้ว ไม่ได้เพิ่งมามีในสมัยนี้ ถ้านักข่าวในอดีตก็คงจำได้ รัฐบาลในอดีตก็มีเสธคนนั้น เสธคนนี้ ใครจะทำธุรกิจสีเทาก็ต้องไปเคลียร์กับเสธคนนี้ เป็นเพื่อนนายกฯ ในอดีตด้วย มันมีมานานแล้ว อย่าไปคิดมากเลย
นายชัยวุฒิ ย้ำว่า ธุรกิจสีเทานี้เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง รัฐบาลไหนก็มีพวกทุนสีเทาก็วิ่งเข้ามาหาผู้มีอำนาจ ดังนั้น ต้องแก้ไขที่กฎหมาย แก้ที่กฎระเบียบ เพื่อให้ธุรกิจไปได้แล้วไม่ต้องไปจ่ายส่วยกัน และลดปัญหาเหล่านี้
รัฐบาลในอดีต อดีตนายกฯ เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกยุคทุกสมัย ไม่ได้เกิดขึ้นวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่มีหลักฐานว่าท่านไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจสีเทา แต่ธุรกิจสีเทาก็พยายามวิ่งเข้าหา ไปถ่ายรูปกับคนนั้นคนนี้ แต่จริง ๆ เขาทำมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งตั้งตัวได้ในรัฐบาลนี้ ไปดูประวัติเขาได้
นายชัยวุฒิ ระบุอีกว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับนักการเมืองด้วย โดยเฉพาะเวลาไปงานต่าง ๆ มักจะมีการถ่ายรูปกันซึ่งนักการเมืองก็ไม่ทราบว่าใครทำธุรกิจสีอะไร และมั่นใจว่า พล.อ.ประวิตรก็ไม่ได้รู้จักกับทุนจีนสีเทา แต่ภาพถ่ายที่ออกมา เพียงแค่เปิดบ้านกินข้าวร่วมกันเท่านั้น ซึ่งแต่ละวันก็ได้ถ่ายภาพก็หลายคน
ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ก็ได้ผลักดันเพื่อออกกฎหมายอายัดบัญชี หยุดเส้นทางการเงิน เป็นการฟอกเงิน ให้รัฐมีอำนาจในการอายัดบัญชี เพื่อตรวจสอบ หากเจ้าของบัญชีทำธุรกิจถูกต้อง ก็จะเปิดให้ใช้บัญชีได้ โดยเชื่อว่า หากธุรกิจสีเทาเจอกฎหมายนี้ก็หยุดหมด เพราะโอนเงินไม่ได้ ซึ่งกฎหมายนี้ผ่าน ครม.แล้ว พร้อมเตือนประชาชนที่รับจ้างเปิดบัญชีม้า มีโทษทั้งจำทั้งปรับ
