วันนี้ (16 ก.พ.2566) การอภิปรายทั่วไป เป็นวันที่ 2 เวลา 12.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงการอภิปราย โดยระบุว่า คดีตู้ห่าวย้อนกลับไปพบว่าพฤติกรรมเกิดขึ้นก่อนปี 2557 และตู้ห่าวเข้ามาไทยตั้งแต่ปี 2554 กระบวนการขอสัญชาติก็เดินมาเรื่อย จนมาถึงรัฐบาลปัจจุบัน
พฤติกรรมเหล่านี้ไม่แน่ใจว่า ที่ผ่านมาไม่มีใครทราบเลยหรือ เมื่อตนทราบก็ให้สืบสวนสอบสวน ไม่อยากจะโทษใคร อาจถูกปล่อยปละละเลยนานแล้ว พบว่าได้ใช้เงินในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ เรียกว่า “ยกหมู่บ้าน” ไม่ทราบว่าบริษัทของใครเหมือนกัน แต่ยืนยันว่า รัฐบาลนี้ไม่มีแน่นอน ในการขายบ้านแถมสัญชาติให้ ถ้าเช็กดี ๆ ภรรยาตู้ห่าวมีความเกี่ยวข้องกับอดีตรัฐมนตรีสมัยบางพรรค
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ต้น นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้พบตนเอง จากนั้นส่งข้อมูลให้ตำรวจทันที ซึ่งตนเองทำถูกต้อง แต่อาจไม่ถูกใจ ไม่ทันใจทุกคน การดำเนินการบางอย่างอยู่ในขั้นตอนกระบวนการสอบสวน นอกจากนี้ ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้หลายคน บางคนที่หลบหนีจะต้องติดตามจับกุมให้ได้
ส่วนกรณีที่ระบุว่า ส.ว.เข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ตำรวจได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ส่วนการเพิกถอนหมายจับเป็นดุลยพินิจของฝ่ายตุลาการ ซึ่งมีความเห็นให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกก่อน
พร้อมยืนยันว่า ตนไม่ได้ไปก้าวก่าย หรือช่วยเหลือใคร เป็นกระบวนการทางกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม หากพบใครเกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นก็จะออกหมายเรียก และหมายจับ
ไม่มีใครไปเอื้อประโยชน์ หรือช่วยเหลืออย่างไรได้หรอก เพราะเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย
พล.อ.ประยุทธ์ ยังตอบประเด็นอภิปรายเรื่องธุรกิจจีนสีเทา ผับจินหลิง ว่า ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาหลายสิบคน ส่วนที่บอกว่าตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง ผู้บังคับบัญชาได้ตั้งกรรมการสืบสวนสอบสวน และสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนที่บอกว่าไปย้ายคนขยันคนทำงาน เป็นเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งอยู่ภายใต้ ผบ.ตร.พิจารณาตามระเบียบ หลักเกณฑ์
ส่วนกรณีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นหน่วยงานเฉพาะกิจ มีนายกรัฐมนตรีเป็น ผอ.รมน. ก่อนหน้านี้ก็เป็นอย่างนี้ หากวันข้างหน้าไม่มีปัญหาก็ยกเลิกได้ ยืนยันไม่ใช่หน่วยงานรักษาอำนาจให้ตน
ส่วนในเรื่องของสถานการณ์ภาคใต้ขอให้พูดอย่างระมัดระวัง เพราะเกี่ยวข้องกับหลายประเทศ วันนี้การเดินหน้าแก้ปัญหาภาคใต้ไปได้เยอะแล้ว เพราะเป็นความร่วมมือจากนอกประเทศด้วย ถ้าไม่รู้อย่าพูด ตนเองระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะเป็นเรื่องศาสนา ประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์
ต่อมา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ก็ได้ลุกขึ้นตอบเรื่องสัญชาติของตู่ห่าวว่า ตู้ห่าวได้ร้องขอแปลงสัญชาติ ในกรณีเป็นสามีของคนสัญชาติไทย เมื่อวันที่ 3 ส.ค.2554 ต่อกองตำรวจสันติบาล และผ่านขั้นตอนอนุกรรมการกลั่นกรอง และคณะกรรมการกลั่นกรองเกี่ยวกับสัญชาติในปี 2556 มีการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในขั้นตอนต่อมา ผู้อนุญาต คือ รมว.มหาดไทยในสมัยนั้น ให้ตู้ห่าวแปลงสัญชาติได้ ก่อนจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งตนเองได้เข้ามารับตำแหน่งพอดีจึงได้ลงนามเมื่อวันที่ 6 พ.ย.2557 หลังกระบวนการเสร็จสิ้นหมดแล้วเท่านั้น