หน้าแรก Thai PBS “รังสิมันต์” ตอบปม “ปิยบุตร-พิธา” รับใช้ถ้อยคำแรง แต่ไม่ขัดแย้ง

“รังสิมันต์” ตอบปม “ปิยบุตร-พิธา” รับใช้ถ้อยคำแรง แต่ไม่ขัดแย้ง

70
0
“รังสิมันต์”-ตอบปม-“ปิยบุตร-พิธา”-รับใช้ถ้อยคำแรง-แต่ไม่ขัดแย้ง

วันนี้ (22 ก.พ.2566) นายรังสิมันต์ โรม โฆษก และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการตอบโต้ทางการเมืองระหว่างนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า ทุกฝ่ายอยากจะเห็นการกระทำของแต่ละฝ่ายที่ดีต่อกัน อย่างนายปิยบุตร โพสต์เฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์หลายเรื่อง เชื่อว่า นายปิยบุตรอยากเห็นพรรคก้าวไกลประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง ส่วนนายพิธา อาจจะคาดหวังให้นายปิยบุตรทำในส่าวอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อการเคลื่อนไหวในเรื่องประชาธิปไตย จนสุดท้ายสามารถบรรลุเป้าหมายตั้งแต่ตั้งพรรคอนาคตใหม่จนถึงยุบพรรค และมาถึงวันนี้

ทั้งนี้ หากมองเบื้องหลังถ้อยคำรุนแรง ทุกคนต่างมีความปรารถนาดี จึงเป็นเหตุผลที่นายพิธาและพรรคก้าวไกลอยากให้นายปิยบุตรช่วยเท่าที่ช่วยได้ ซึ่งต้องยอมรับว่าหลังจากที่นายปิยบุตรถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง นายปิยบุตรก็ไม่สามารถเข้ามามีบทบาทในพรรคได้ ดังนั้นจึงอาจทำเท่าที่ทำไหว เพื่อให้ประเทศไทยผลจากยุค 3 ป. แต่อาจจะมีคำพูดที่รุนแรงกันบ้าง ซึ่งตอนก็คิดว่าจะต้องปรับจูนกันใหม่

เมื่อถามว่า ภายในพรรคไม่ได้เป็นปัญหาใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คนที่เป็นสมาชิกพรรคและสนับสนุนพรรคก้าวไกล เขารักทุกคน ทั้งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร และนายพิธา รักทุกคนที่เคยเป็นองคาพยพในพรรคอนาคตใหม่ แต่ถ้าถามว่าเป็นไปได้ไหมที่จะมีความไม่เข้าใจกัน มองว่าเป็นเรื่องทั่วไป เป็นธรรมดาของความเป็นพรรคการเมือง

ภายในพรรคไม่ได้ขัดแย้งกัน คนในพรรคไม่ได้แตกเป็น 2-3 ขั้ว ที่มักจะเห็นในพรรคการเมืองที่ผ่านมา แต่อาจจะมีความเข้าใจไม่ตรงกันและอาจใช้ถ้อยคำที่รุนแรงกันไปบ้าง คงต้องใช้เวลาในการปรับความเข้าใจที่จะเคลียร์กันให้ชัด

ทั้งนี้ไม่ปฏิเสธว่า การใช้ถ้อยคำรุนแรงแล้วไม่มีปัญหา คงไม่เป็นแบบนั้น แต่ก็ไม่ถึงขนาดจะทำให้พรรคก้าวไกลไม่สามารถเดินหน้าเลือกตั้งต่อได้

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากกระทบกับพรรคหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้มีเรื่องนายคริส โปรตะนันท์ อดีตสมาชิกพรรคและผู้ก่อตั้งกลุ่มเส้นด้ายลาออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นสถานการณ์ใกล้เลือกตั้ง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า กรณีนายคริส ขอให้ตัดไปได้เลย เพราะไม่เป็นปัญหาอะไร เป็นเรื่องธรรมดาที่มีความเห็นส่วนตัวที่อาจจะไม่เห็นด้วยกับแนวทาง ก็เดินออกไป เป็นเรื่องธรรมดามาก คงไม่สามารถโยงกันได้

กรณีของนายปิยบุตร ก็พยายามที่จะปรับ เอามาเป็นกระจกส่องตัวเอง แต่ก็ยอมรับว่าบางถ้อยคำอาจจะรุนแรง บางทีมันก็อาจจะขัดต่อความรู้สึกที่เวลาเราลงพื้นที่ก็จะเห็นว่า การตอบรับของประชาชนเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าแน่นอน มันก็อาจจะเป็นความเห็นที่ไม่ตรงกัน ถามว่าจะกระทบไหม ผมยังมองในแง่บวก ว่ามันคือการถกเถียงกัน คือ การพูดคุยกัน อาจจะใช้คำที่รุนแรงกันบ้าง แต่มันก็อยู่ในระดับนั้น แต่ไม่ถึงขนาดว่าที่จะทำให้เกิดความแตกแยกของพรรค ถ้ามีความแตกแยกของพรรค อาจจะบอกว่ามีปัญหาระยะยาว อันนี้อาจจะเป็น แต่กรณีนี้ยังไม่ถึงจุดนั้น

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า วันนี้เดินมาเจอ ส.ส.พรรคก้าวไกลหลายคน ไม่มีใครที่รู้สึกว่าจะเป็นปัญหาที่คุยกันไม่ได้ เป็นปัญหาที่ยังสามารถจัดการได้ โดยใช้การพูดคุยเป็นหลัก เป็นการทำความเข้าใจเรื่องเหตุผล

เมื่อถามว่า จะมีการนัดเคลียร์ใจกับนายปิยบุตรหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะตนยังไม่ได้เป็นคนนัดอะไร แต่คิดว่าเป็นกระบวนการที่ต้องนำไปคิด มองว่าการพูดคุยก็คือทางออก ซึ่งพรรคก้าวไกลต่างจากพรรคการเมืองอื่นเพราะว่าค่อนข้างเปิดพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็น

ที่ผ่านมาก็มีสมาชิกพรรคที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นปกติอยู่แล้ว กรณีนี้ก็ต้องพิจารณาว่าควรทำอย่างไร ปรับได้หรือไม่ มีจุดใดที่ยังทำไม่ถูกต้อง เป็นเรื่องปกติมากสำหรับพรรคก้าวไกล อย่างที่สองเมื่อมีความขัดแย้งก็คุยกันด้วยเหตุผล ซึ่งเป็นทางออกที่ดีที่สุด

นายรังสิมันต์ กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร ที่ยังโพสต์สนับสนุนพรรคก้าวไกล ว่า ก็ชัดเจนว่า นายธนาธรยังยืนยันในทวิตเตอร์ว่า พรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่เป็นคำตอบของสังคมไทย เป็นพรรคการเมืองที่รับมรดกจากพรรคอนาคตใหม่ และเชื่อว่า นายธนาธรก็เป็นเพื่อนที่เดินร่วมทาง อาจจะไม่ใช่รถคันเดียวกัน แต่ปลายทางเดียวกัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี  

ตนยังมั่นใจในการต่อสู้การเลือกตั้ง ถ้าเรามองสถานการณ์นี้ อย่าเพิ่งไปมองว่า เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แต่เป็นเรื่องที่ต้องเดินผ่านไปให้ได้ เพราะเรายังมีศัตรู ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องเอาชนะให้ได้ คือ การปิดสวิตช์ 3 ป. เป็นเรื่องที่ฉุดหลังประเทศเราไว้

พร้อมย้ำว่า นโยบายพรรคก้าวไกลมีความแหลมคมมาก หากไม่สามารถก้าวข้ามผ่านได้ เราได้ที่นั่งในสภาไม่มากพอที่จะทำให้นโยบายที่แหลมคมประสบความสำเร็จ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาเข้มข้น มีความท้าทายรออยู่ ต้องก้าวผ่าน

เมื่อถามว่า มีอะไรฝากถึงนายปิยบุตรหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คงไม่ได้ฝากถึงใครเฉพาะเจาะจง แต่ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องของการวิพากษ์วิจารณ์ ใครก็แล้วแต่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใด เราอยู่ในอยู่ในบริบทที่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ส่วนตัวมองไปถึงเรื่องต้องเอาชนะศัตรูทางการเมือง ดังนั้น ต้องเอา 3 ป.ออกจากการเมืองให้ได้ ไม่เช่นนั้นประเทศฉิบหายแน่ๆ ดังนั้นต้องช่วยกันเดินหน้า 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“พิธา” โต้ “ปิยบุตร” เลิก “มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ”

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่