โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน มอบคำสัญญาในวันนี้ (24 ก.พ.) เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีสงครามการรุกรานยูเครนของรัสเซียว่า ยูเครนจะทำทุกสิ่งเพื่อเอาชนะรัสเซีย พร้อมกันนี้ ยูเครนประกาศที่จะเดินหน้ารุกคืนในสงครามของยุโรปที่รุนแรงที่สุด นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที้ 2 สิ้นสุดลง
พันธมิตรชาติตะวันตกยังคงเน้นย้ำถึงการสนับสนุนอย่างไม่เปลี่ยนแปลงต่อยูเครน ในขณะที่ มาแตอุช มอราวีแยตสกี นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ เป็นผู้นำชาติตะวันตกคนล่าสุดที่ได้เดินทางมาเยือนกรุงเคียฟในวันนี้ เพื่อส่ง “สัญญาณการสนับสนุนเพิ่มเติมที่ชัดเจนและวัดผลได้” นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังได้ประกาศเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยการคว่ำบาตรในครั้งนี้พุ่งเป้าไปที่ธนาคาร อุตสาหกรรมทางทหาร และการเข้าถึงเซมิคอนดักเตอร์ของรัสเซีย
อย่างไรก็ดี รัสเซียยังคงท้าทายต่อสถานการณ์ ที่ตัวเองกำลังถูกโดดเดี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ โดย ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ยืนยันว่าประเทศของเขาพร้อมที่จะรุกคืบ “ไปยังพรมแดนโปแลนด์” พร้อมส่งสัญญาณว่ารัสเซียพร้อมใช้อาวุธนิวเคลียร์
เมื่อ 1 ปีที่แล้วจนถึงวันนี้ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ตัดสินใจทำให้ทั่วโลกตกตะลึงด้วยการส่งทหารรัสเซียรุกข้ามพรมแดนยูเครน ซึ่งเป็นความพยายามในการทำลายยูเครน หลังยูเครนมีท่าทีหันหน้าให้กับทางตะวันตกมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้ สงครามที่ยาวนานทั้งปีได้ทำลายล้างยูเครนเป็นวงกว้าง อีกทั้งส่งผลให้มีผู้คนหลายล้านต้องพลัดถิ่น โดยจากแหล่งข่าวตะวันตกระบุว่า สงครามทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายมากกว่า 150,000 รายในแต่ละฝั่ง ในขณะที่ชาติตะวันตกได้เร่งระดมการส่งมอบความช่วยเหลือ ทั้งทางด้านมนุษยธรรมและการทหารไปแก่ยูเครน และประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างหนัก ส่งผลให้รัสเซียออกมาขู่ว่าตัวเองพร้อมจะยกระดับสถานการณ์ความขัดแย้งให้บานปลายมากยิ่งขึ้น
ในขณะนี้ สงครามกำลังเข้าสู่ปีที่สอง เซเลนสกีให้คำมั่นว่ายูเครนจะทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะผู้รุกรานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า “เราอดทน เราไม่ได้พ่ายแพ้ และเราจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะในปีนี้” เซเลนสกีกล่าวในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย
ประธานาธิบดียูเครนยังได้กล่าวยกย่องเมืองต่างๆ เช่น บูชา เออร์ปิน และมารีอูปอล ว่าเป็น “เมืองหลวงอันอยู่ยงคงกระพัน” เซเลนสกีย้ำอีกว่า “เราจะไม่พักผ่อนจนกว่าฆาตกรชาวรัสเซียจะได้รับการลงโทษที่สมควรได้รับ” ทั้งนี้ เซเลนสกีระบุในหลายครั้งว่า รัสเซียได้ก่ออาชญากรรมสงครามในยูเครน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดรวมถึงปูติน จะต้องถูกนำตัวมาลงโทษตามกฎหมาย
นอกจากนี้ โอเล็กเซย์ เรซนิคอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครนประกาศว่า ยูเครน “จะมีการรุกคืนตอบโต้” พร้อมกล่าวว่า “เรากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อเตรียมการและรักษาความปลอดภัย”
ในอีกทางหนึ่งของวันนี้ สหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้นำการมอบการสนับสนุนแก่กองทัพยูเครน ประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่ ซึ่งไม่ได้เพียงแต่พุ่งเป้าไปที่รัสเซียเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อ “บุคคลและองค์กรกว่า 200 ราย” ทั่วยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลางที่สนับสนุนสงครามซึ่งกระทำโดยรัสเซีย นอกจากนี้ กลุ่มประเทศ G7 ซึ่งกำลังจัดการประชุมสุดยอดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ได้รับการคาดการณ์ว่าจะเปิดตัวหน่วยงานใหม่ ที่มีเป้าหมายเพื่อการสกัดกั้นความพยายามในการหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรที่มีอยู่
นอกจากนี้ ยังมีการส่งชุดความช่วยเหลือใหม่จากสหรัฐฯ ซึ่งมีขึ้นไม่กี่วันหลังจาก โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เดินทางไปเยือนกรุงเคียฟด้วยตัวเอง เพื่อรับประกันการส่งมอบอาวุธชุดใหม่ ในขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (23 ก.พ.) ชาติสมาชิกสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้ลงมติอย่างท่วมท้น เพื่อเรียกร้องให้รัสเซียถอนทหารออกจากยูเครน “ทันที” และ “ไม่มีเงื่อนไข” แต่จีนและอินเดียกลับลงมติงดออกเสียงในมติดดังกล่าว ยังมีความกังวลจากชาติตะวันตกว่า จีนกำลังพิจารณาการส่งความช่วยเหลือเป็นอาวุธไปให้แก่รัสเซียในการทำสงครามรุกรานยูเครนอีกด้วย
หลังจากการตั้งข้อสงสัยของชาติตะวันตก ทางการจีนได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างโกรธเกรี้ยว และพยายามวางตัวว่าจีนเป็นฝ่ายเป็นกลาง แม้จีนจะยังคงรักษาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซีย ทั้งนี้ รัฐบาลจีนเผยแพร่เอกสารแสดงจุดยืน 12 ประการในวันนี้ โดยมีเนื้อหาเรียกร้องให้ยูเครนและรัสเซียจัดการเจรจาสันติภาพโดยเร็วที่สุด “ทุกฝ่ายควรสนับสนุนรัสเซียและยูเครนในการทำงานไปในทิศทางเดียวกัน และกลับมาเจรจาโดยตรงโดยเร็วที่สุด” เอกสาร 12 ประการของรัฐบาลจีนระบุ
ที่มา: