สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพ ทรงออกแถลงประณาม “การโจมตีอย่างเต็มรูปแบบ” ของรัสเซียต่อยูเครน ในพระราชสาส์นเนื่องในโอกาสวาระครบรอบ 1 ปี การรุกรานยูเครนโดยรัสเซียเมื่อ 24 ก.พ.ปีก่อนมาจนถึงวันนี้ (24 ก.พ.)
พร้อมกันนี้ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลที่ 3 ทรงมีพระราชดำรัสยกย่อง “ความกล้าหาญและความยืดหยุ่นอันน่าทึ่ง” ของชาวยูเครน หลังจากมีผู้คนกว่าหลายพันถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บจากความขัดแย้งในครั้งนี้ นอกจากนี้ สหราชอาณาจักรได้จัดให้มีการสงบนิ่งไว้อาลัยเป็นเวลา 1 นาทีทั่วประเทศ ในช่วงเวลา 11.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ด้วย
ริชี ซูนัค นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ได้ออกมาเรียกร้องให้ชาติพันธมิตร “ดำเนินการให้เร็วขึ้น” ในการส่งอาวุธไปช่วยเหลือยูเครนเพื่อการต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย ในช่วงของการประชุม G7 โดยปัจจุบันนี้ มีกองกำลังของยูเครนกำลังได้รับการฝึกในสหราชอาณาจักร โดยพวกเขาได้เข้าร่วมการยืนสงบนิ่งไว้อาลัย ณ บริเวณบ้านหมายเลข 10 ถนนดาวนิง หรือบ้านพักประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรอีกด้วย
นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรพร้อมกันด้วยกับภรรยาอย่าง อักษตา มูรติ และ วาดิม ปรีสไตโก เอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหราชอาณาจักร ได้เข้าร่วมการสงบนิ่งไว้อาลัยเป็นเวลา 1 นาทีด้วย โดยหลังจากการสงบนิ่งสิ้นสุดลง ได้มีการบรรเลงเพลงชาติยูเครนตามมาในโอกาสเดียวกัน
ในพระราชสาส์น สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ตรัสถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของสหราชอาณาจักร และพันธมิตรที่มีต่อยูเครนตลอดปีที่ผ่านมา โดยตรัสว่าทรงรู้สึก “ชื่นใจ” ที่เห็นเหล่าพันธมิตร “ทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือกันในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดนี้”
สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ตรัสความว่า “โลกเฝ้าดูความทุกข์ทรมาน ที่ไม่จำต้องเกิดขึ้นกับชาวยูเครนด้วยความสยดสยอง หลายคนซึ่งข้าพเจ้าได้ยินดีที่ได้พบที่นี่ในสหราชอาณาจักรและจากทั่วโลก ตั้งแต่โรมาเนียไปจนถึงแคนาดา”
สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ประธานาธิบดีเซเลนสกีเข้าเฝ้าฯ เมื่อช่วงเดือนนี้ ณ พระราชบังกิมแฮม ทั้งนี้ ทรงระบุเพิ่มเติมในพระราชสาส์นว่า “ข้าพเจ้าได้แต่หวังว่าความสามัคคีที่หลั่งไหลจากทั่วโลก ไม่เพียงแต่จะนำมาซึ่งความช่วยเหลือในทางปฏิบัติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเข้มแข็งจากความรู้ที่ว่าเรายืนหยัดอยู่ร่วมกัน”
จากรายงานของกองทัพสหรัฐฯ ณ ปัจจุบันนี้ ความขัดแย้งซึ่งปะทุขึ้นเมื่อรัสเซียเข้ารุกรานยูเครน เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ส่งผลให้กำลังพลจากทั้งสองฝ่ายเสียชีวิตหรือบาดเจ็บอย่างน้อย 100,000 นาย นอกจากนี้ ยังมีพลเรือนหลายพันคนเสียชีวิต และมากกว่า 13 ล้านคนลี้ภัยหรือพลัดถิ่นในยูเครน
ที่มา: