Nokia บริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์ดัง โดยร่วมมือกับ iFixit ประกาศเปิดตัวหนึ่งในสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ราคาประหยัดรุ่นแรก ที่ออกแบบมาเพื่อให้เจ้าของสามารถซ่อมแซมมันเองได้ที่บ้านด้วยตัวเอง ทั้งนี้ การซ่อมโทรศัพท์รุ่นดังกล่าวด้วยตัวเองมีความง่ายเป็นพิเศษ โดยผู้ใช้สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ของโทรศัพท์ได้ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที
Nokia G22 ได้รับการเปิดตัวก่อนงาน Mobile World Congress ในบาร์เซโลนาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (25 ก.พ.) โดยตัวโทรศัพท์รุ่น Nokia G22 ถูกออกแบบตัวเครื่องด้านหลังและภายในที่สามารถถอดออกประกอบเองได้ ทำให้ตัวสมาร์ทโฟนดังกล่าวสามารถถอดและเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย รวมถึงแบตเตอรี่ หน้าจอ และพอร์ตชาร์จไฟฟ้า
HMD Global ผู้ผลิตโทรศัพท์ Nokia จะจัดทำคู่มือการซ่อมโทรศัพท์รุ่น Nokia G22 แบบ “ซ่อมด่วน” และผลิตอะไหล่แท้เป็นเวลา 5 ปีผ่านผู้เชี่ยวชาญการซ่อมโทรศัพท์อย่าง iFixit เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกหนทางการซ่อมได้ด้วยตัวเอง นอกเหนือจากตัวเลือกการซ่อมกับช่างซ่อมโทรศัพท์มืออาชีพที่มีราคาเอื้อมถึง
“ผู้คนให้ความสำคัญกับอุปกรณ์ที่มีคุณภาพและใช้งานได้ยาวนาน และพวกเขาไม่ควรต้องประนีประนอมกับราคาเพื่อให้ได้มา Nokia G22 ใหม่ถูกสร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์ด้วยการออกแบบที่สามารถซ่อมแซมได้ ดังนั้น คุณจึงสามารถใช้งานมันได้นานขึ้น” อาดัม เฟอร์กูสัน หัวหน้าฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ของ HMD Global กล่าว
บางชิ้นส่วนของ Nokia G22 ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล และมีหน้าจอ 6.53 นิ้ว แบตเตอรี่ความจุสูง กล้อง 50 ล้านพิกเซล และตัวสแกนลายนิ้วมือ นอกจากนี้ Nokia G22 จะใช้ระบบปฏิบัติการณ์แอนดรอยด์ และจะรองรับการอัปเดตความปลอดภัยรายเดือนเป็นเวลา 3 ปี ตลอดจนการอัปเกรดเวอร์ชันแอนดรอยด์ครั้งใหญ่ 2 ครั้ง
HMD Global หวังว่าพวกเขาจะสามารถอาศัยโอกาสของคลื่นความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ในการเลือกซื้ออุปกรณ์สมาร์ทโฟนที่ทนทานและซ่อมได้มากขึ้น โดยแนวทางของ Nokia ในครั้งนี้ เป็นการเดินตามหนทางของผู้บุกเบิกโทรศัพท์ซ่อมเองที่บ้าน อย่างเช่นผู้ผลิตสัญชาติเนเธอร์แลนด์อย่าง Fairphone แต่ Nokia G22 จะมีราคาที่ไม่แพง และมีกระบวนการที่ง่ายกว่า เมื่อเทียบกับโปรแกรมซ่อม DIY ล่าสุดของ Apple
Nokia G22 จะมีราคาเริ่มต้นที่ 149.99 ปอนด์ (ประมาณ 6,300 บาท) สำหรับการจัดส่งในวันที่ 8 มี.ค. ส่วนชิ้นส่วนสำหรับเปลี่ยนจะมีราคาสำหรับพอร์ตชาร์จที่ 18.99 ปอนด์ (ประมาณ 800 บาท) แบตเตอรี่ 22.99 ปอนด์ (ประมาณ 970 บาท) และหน้าจอ 44.99 ปอนด์ (ประมาณ 1,900 บาท)
นอกเหนือจากสมาร์ทโฟนระดับล่างหลายรุ่นแล้ว HMD ยังประกาศว่าทางบริษัทจะเริ่มขั้นตอนแรกของการผลิตอุปกรณ์ 5G ในยุโรปในปี 2566 แม้ว่าจะยังไม่มีรายละเอียดมากนัก แต่พวกเขามีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของอุปกรณ์ที่จำหน่ายในท้องถิ่นและเพื่อเพิ่มความปลอดภัย โดยเริ่มจาก อุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมที่คำนึงถึงความปลอดภัย ก่อนที่จะพัฒนาไปสู่อุปกรณ์สำหรับผู้บริโภค
“แบรนด์ Nokia มีประวัติอันน่าภาคภูมิใจในตลาดยุโรป และด้วยความเคลื่อนไหวนี้ เราจะยังคงเสริมความแข็งแกร่งในฐานะผู้ให้บริการสมาร์ทโฟนรายใหญ่รายเดียวในยุโรป” ฌอง-ฟร็องซัวส์ บาริล ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ HMD Global กล่าว
ที่มา: