วันนี้ (2 มี.ค.66) ศาลฎีกา สนามหลวง ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ยื่นคำร้องกล่าวหาว่า น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ คำร้องคดีกระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง กรณีเสียบบัตร ส.ส. แทนกันในการประชุมสภาฯ วาระที่ 1 และวาระที่ 3 ในการพิจารณากฎหมายเมื่อปี 2562
โดยนางสาวธณิกานต์ ผู้คัดค้านได้ยื่นคำร้องขอจำหน่ายคดีชั่วคราวจนกว่าคดีอาญาจะถึงที่สุด และขอเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาออกไป 6 เดือน จนกว่าศาลคดีอาญาจะพิพากษา ศาลฎีกาจึงนัดพร้อมเพื่อฟังผลคดีอาญาในวันที่ 3 ส.ค.2566 เวลา 13.30 น. โดย ป.ป.ช. ผู้ร้อง เห็นว่าไม่มีเหตุผลที่จะจำหน่ายคดีชั่วคราว แต่ขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาล
ทั้งนี้หากศาลฎีกายกฟ้อง น.ส.ธณิกานต์ก็รอด แต่หากศาลมีคำพิพากษาให้พ้นจากตำแหน่งตามคำร้อง ก็จะมีโทษให้ตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ตามกฎหมาย ป.ป.ช.และบทลงโทษตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ
โดยคดีเสียบบัตรแทนกันนี้ เมื่อเดือน ส.ค.2565 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาให้ น.ส.ธณิกานต์ รับโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 2 แสนบาท แต่โทษให้รอลงอาญาไว้ ครั้งนั้นศาลจะได้อ่านคำพิพากษาว่า น.ส.ธณิกานต์ ได้ฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์กับ ส.ส. คนอื่น ไว้สำหรับการแสดงตนและลงมติแทนระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิฯ ในวาระที่ 1 และวาระที่ 3
ซึ่งศาลเห็นว่า การกระทำของ น.ส.ธณิกานต์ มีเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชน์เพื่อตัวเอง รู้เห็น-ยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองแสวงหาประโยชน์โดยไม่ชอบ จากการออกเสียงลงคะแนนแทนกัน อันเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เป็นเหตุให้สภาผู้แทนราษฎรปวงชนชาวไทยผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยและกระบวนการตรากฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติได้รับความเสียหาย