วันนี้ (4 มี.ค.66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ถูกรับเชิญให้เป็นวิทยากรบรรยาย “ปัญหาทุนสีเทา กับการปฏิรูปกลไกยุติธรรม” ภายในงานเสวนาที่จัดขึ้นโดย หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาผู้นำทางสังคม ธุรกิจและการเมือง สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
นายชูวิทย์ บรรยายถึงการทุจริตคอร์รัปชันให้กับผู้ที่เข้าร่วมการสนทนาในครั้งนี้ โดยเนื้อหาการบรรยายพูดถึงนายทุนจีนสีเทาที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างเปิดเผย เนื่องจากเป็นเพราะกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยอ่อนแอ
พร้อมทั้งชี้ว่า เป็นช่องทางให้นายทุนสีเทาเข้ามาหาผลประโยชน์ จากการค้ายาเสพติด การพนัน การค้ามนุษย์ และคอลเซ็นเตอร์ โดยมีเจ้าหน้าที่ภาครัฐเป็นผู้สนับสนุน
นอกจาก ทุนจีนสีเทาแล้ว ยังมีขบวนการทุนสีเทาในประเทศไทยโดยหยิบยกการพนันออนไลน์ กล่าวถึง “สารวัตรซัว” ที่เป็นถึงนายตำรวจ แต่กลับเป็นนายทุนและเจ้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์ และพบว่าโยงใยไปถึงตำรวจอีกหลายคนเข้ามาเกี่ยวข้อง
นอกจากยังมีประเด็นต่าง ๆ ที่นายชูวิทย์ หยิบยกมาบรรยาย พยายามเปิดโปงความทุจริตคอร์รัปชัน ในองค์กรภาครัฐ และพรรคการเมืองสีเทา ที่หาผลประโยชน์จากอำนาจหน้าที่โดยไม่ถูกต้อง
ภายหลังการบรรยาย นายชูวิทย์ เผยว่า แนวทางการปราบปรามขบวนการทุจริตคอร์รัปชันแทบเป็นไปไม่ได้ ตราบใดที่เจ้าหน้าที่รัฐในกลไกยุติธรรมยังไม่มีจิตสำนึก เห็นแก่ประโยชน์ของตัวเอง
เพราะฉะนั้นการปฏิรูปกลไกยุติธรรม ต้องแก้ปัญหาที่การทุจริตคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม ทั้งองค์กรตำรวจ อัยการ และศาล รวมถึงนักการเมืองสีเทา ที่มีอำนาจในการบริหารงานของประเทศ
ดังนั้น การยับยั้งขบวนการทุจริตคอร์รัปชัน คือ เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตรวจสอบต้องทำงานอย่างรวดเร็ว โปร่งใส แต่ที่ผ่านมาการออกมาเปิดโปงขบวนการทุจริตคอร์รัปชันยังไม่มีน้ำหนักมากพอ
ดังนั้น ตัวเองจึงขอเป็นกระบอกเสียง ที่จะออกมาพูดให้สังคมได้รับรู้ และเกิดแรงกระเพื่อมนำไปสู่การตรวจสอบจนเกิดเป็นหลายคดีที่มีกระแสข่าวในปัจจุบัน
นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังให้ความเห็นอีกว่า หากธุรกิจสีเทาบางประเทศเช่นการพนันออนไลน์ สามารถทำได้ถูกต้องตามกฎหมายจะทำให้การคอร์รัปชันลดน้อยลงในระดับหนึ่งแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด
รวมถึงยังสามารถเรียกเก็บภาษีจากธุรกิจประเภทนี้ได้อีกเป็นกอบเป็นกำ นำไปสู่การปฏิรูปองค์กรตำรวจด้วยการเพิ่มเงินเดือนให้และเพิ่มโทษให้รุนแรงขึ้นหากพบว่ามีการทุจริตในหน้าที่