ในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน ทางการจีนประกาศตั้งเป้าการเติบโตของ GDP ประเทศไว้ที่ 5% ในปี 2566 นี้ โดยมี หลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนคนปัจจุบัน เป็นผู้ปราศรัยต่อรัฐสภาตรายางของพรรครัฐบาลคอมมิวนิสต์จีน นับเป็นเป้าหมายการเติบโตของ GDP ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และจากข้อมูลการติดตามตัวเลขในปี 2565 ที่มีออกมา
คำปราศรัย “รายงานการทำงาน” ในวันนี้ (5 มี.ค.) ยังกล่าวถึงนโยบายการต่างประเทศ และเน้นย้ำถึงเป้าหมายของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่จะผนวกไต้หวันเข้ามาเป็นของจีนแผ่นดินใหญ่ ทั้งนี้ เอกสารงบประมาณระบุถึงงบประมาณด้านกลาโหมของจีนที่มีเพิ่มขึ้นถึง 7.2% แต่นับเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับอัตรา 7.1% ในปีที่แล้ว
หลี่กล่าวสุนทรพจน์สำคัญครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจีน โดยเขากล่าวเปิดการประชุมประจำปีของสภาประชาชนแห่งชาติ ทั้งนี้ รายงานการทำงาน ซึ่งต้องได้รับอนุมัติจากผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่าง สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนคนปัจจุบัน และว่าที่ประธานาธิบดีจีนในวาระที่ 3 ได้สรุปความสำเร็จหลักของรัฐบาลในปีที่ผ่านมา และแผนสำหรับปีต่อไป
การประชุมในปีนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นการเลื่อนวาระทางการเมืองหนึ่งไปยังอีกวาระหนึ่ง หลังจากที่ประธานาธิบดีสีได้รับเลือกเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนอีกครั้งเมื่อเดือน ต.ค.ปีก่อน และกำลังจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี และประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางจีนในการประชุมครั้งนี้
การรวบอำนาจของสีกระทำผ่านการกวาดล้างคู่แข่ง และแต่งตั้งผู้ภักดีเข้าสู่ตำแหน่งบริหารพรรคคอมมิวนิสต์จีน ทั้งนี้ การถอดหลี่ ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มคู่แข่งทางการเมืองของสี ออกจากผู้นำอันดับ 2 รองจากสีในพรรค ถูกตีความโดยบางฝ่ายว่าเป็นสัญญาณของการเล่นเกมทางอำนาจของสีเอง
ในคำปราศรัยของหลี่ ที่มอบให้กับผู้แทนสภาประชาชนแห่งชาติเกือบ 3,000 คน ซึ่งรวมถึงสีที่นั่งเป็นประธาน เน้นหนักไปที่การส่งเสริม “การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ” ของจีน หลังจากต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคระบาดเป็นเวลาหลายปี ทั้งนี้ ผลกระทบจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่เข้มงวดของสี และการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาคการพัฒนาของจีนที่พังทลายลง ส่งผลให้ในปี 2565 จีนมีอัตราการเติบโตของ GDP เพียงแค่ 3% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 5.5% อย่างมาก
หลี่เริ่มการกล่าวสุนทรพจน์โดยอ้างอิงถึงประเด็นโควิด-19 และปัจจัยในประเทศและต่างประเทศอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่ง “เกินความคาดหมายของเรา” นายกรัฐมนตรีจีนยังประกาศอีกว่า รัฐบาลจีนมีเป้าหมายที่จะสร้างงานในเมืองประมาณ 12 ล้านงาน แต่ยังเหลือพื้นที่ให้เคลื่อนตัวด้วยอัตราการว่างงาน โดยคงเป้าหมายการจ้างงานในเมืองไว้ที่ 5.5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ถูกรายงานล่าสุดเมื่อช่วงเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา
คำปราศรัยของหลี่ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง และยังกล่าวถึงสิ่งที่เรียกว่า “คำถามกรณีไต้หวัน” ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญและข้อกังวลของพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนอ้างว่าไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของจีน และพรรคสาบานว่าจะผนวกไต้หวันเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่โดยสันติ แต่จะใช้กำลังหากมีความจำเป็น อย่างไรก็ดี รัฐบาลและประชาชนของไต้หวันคัดค้านอย่างท่วมท้นต่อความปราถนาของจีนคอมมิวนิสต์ และไต้หวันกำลังส่งเสริมระบบการป้องกันทางทหารด้วยการสนับสนุนด้านอาวุธจากสหรัฐฯ
หลี่กล่าวสนับสนุน “ทั้งสองฝ่ายในช่องแคบไต้หวัน” ในการ “ร่วมกันส่งเสริมวัฒนธรรมจีน และส่งเสริมการฟื้นฟูชาติจีน” พร้อมย้ำความตั้งใจของรัฐบาลในกรุงปักกิ่งที่จะ “ดำเนินการขั้นเด็ดขาดเพื่อต่อต้านเอกราชของไต้หวันและส่งเสริมการรวมชาติ” ทั้งนี้ กองทัพจีนได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อมสำหรับความขัดแย้งบนประเด็นไต้หวัน แต่นักวิเคราะห์ระบุว่าเส้นเวลาสำหรับความพร้อมในการรุกรานเกาะไต้หวันของจีน อาจเกิดขึ้นได้ราวปี 2570 โดยคิดคำนวณอ้างอิงเพียงแต่ขีดความสามารถทางการทหารจีน และการไม่มีเจตนาในการรุกรานไต้หวันเท่านั้น
ในวันเดียวกันนี้เอง สภาประชาชาชนแห่งชาติจีนได้ประกาศงบประมาณกลาโหมประจำปี 2566 จำนวน 1.56 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 7.77 ล้านบาท) เป็นอัตราที่เพิ่มขึ้น 7.2% จากปีก่อนหน้า นับเป็นการเติบโตของงบประมาณกลาโหมจีน ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
การประชุมของสภาประชาชนแห่งชาติจีนในวันนี้ เป็นการประชุมไม่กี่ครั้งที่เปิดต่อสาธารณะ โดยทางการจีนจะมีการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายและรัฐธรรมนูญ โดยจะเป็นการหารือกันแบบปิดจนถึงสุดสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ดี การตัดสินใจส่วนใหญ่มีขึ้นแล้วในการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนก่อนหน้านี้ และการประชุมในสัปดาห์นี้ถูกมองว่าเป็นงานเชิงพิธีการเสียส่วนใหญ่
การแต่งตั้งตำแหน่งใหม่ของคณะผู้บริหารในรัฐบาลจีน ซึ่งรวมถึงนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะถูกประกาศในสัปดาห์นี้ และมีการคาดเดากันอย่างกว้างขวางว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหน่วยงานของรัฐบาลจีน จะทำให้องค์กรของรัฐบางส่วน ถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของพรรคที่เทียบเท่ากัน เพื่อส่งเสริมอำนาจนำของสีที่มีต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน อันเหนือกว่าประเทศจีน และการบริหารงานของรัฐบาลจีน
ที่มา: