วันนี้ (6 มี.ค.2566) นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าว ผ่าน TikTok บัญชีชื่อ Closeupthailand ถึงการประชุมเอเปกที่ผ่านมาที่ไทยเป็นเจ้าภาพ โดยตั้งคำถามว่ามีการติดตาม ความคืบหน้า ผลการเจรจา ในช่วง 3 เดือนหลังจากประชุมหรือไม่ ว่าประเทศไทยได้อะไรจากการประชุมครั้งที่ผ่านมา เช่น มีการบินไปต่างประเทศเพื่อเจรจาการค้าขายหรือไม่ นั่นเพราะว่าผู้นำแต่ละประเทศที่มาร่วมประชุมเป็นระดับตัวท็อปของโลก โดยชี้ว่าประเทศไทยเสียโอกาสไปเยอะมาก
ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมาประเทศไทยเยอะ ขณะเดียวกันประเทศไทยก็ต้องการให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน พร้อมยกระบบ Healthcare หรือระบบการดูแลสุขภาพ ของประเทศไทย เป็นจุดสำคัญที่สามารถดึงดูดให้นักลงทุนย้ายถิ่นฐานเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งไม่เพียงแค่การจะส่งนักการทูตพาณิชย์ หรือรัฐมนตรีไปเท่านั้น แต่นายกรัฐมนตรีจะต้องเดินทางไปเจรจาเอง ย้ำถึงเวลาที่ต้องพูดอย่างเปิดเผยว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีการเลือกตัง แต่เราอยากจะอยู่กับมันต่อไปอีก 4 ปีหรือไม่ หรือต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างมีนัยยะ
“ถ้าเรามีผู้นำที่เห็นความสำคัญของภูมิรัฐศาสตร์ แล้วออกไปทำเรื่องพวกนี้ คิดดูว่าการลงทุนจะมีการเข้ามาไปเปิดตลาดใหม่ เอาสินค้าไทยไปขาย โอท็อปหรือเอสเอ็มอี เป็นการเปิดตลาดที่ให้โอกาสกับคนไทยทั้งประเทศ ให้มีที่ยืนบนเวทีโลก เห็นว่าตรงนี้เป็นที่น่าเสียดายมากตลอด 8 ปีที่ผ่านมา เราเสียอะไรไปเยอะมาก” นายเศรษฐากล่าว
ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ระบุว่า 8 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยถดถอยทั้งระบบเศรษฐกิจ และการเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 อีกทั้งรัฐบาลบริหารหนี้สาธารณะไม่ดี ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ รายได้ลดลงปัญหาคอร์รัปชันสูงขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นต่ำลง และสิทธิเสรีภาพก็ถูกด้อยค่าส่วนตัวเลขประชากรน้อยลงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ซึ่งเกิดจาก 2 สาเหตุหลักคือมีคนย้ายออกไปจากประเทศไทยเยอะ มีการไปด้อยค่าว่าชังชาติ หรือไล่เค้าออกไปบ้าง ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาที่ผิด เพราะว่าคนที่ย้ายออกไปคือคนที่มีศักยภาพทำให้ประเทศชาติเติบโต อีกทั้งจีดีพีถดถอยประเทศไทย แพ้ประเทศในอาเซียน เมียนมาร์ กัมพูชา เวียดนาม ลาว ก่อนจะทิ้งท้ายถึงเรื่องของ ภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศเป็นเรื่องสำคัญ ที่คิดว่าในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้พัฒนาไปเลย