วันนี้ ( 7 มี.ค.2566 ) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 7 มี.ค. 66 ได้อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ ต.สำนักท้อน และ ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 กรุงเทพมหานคร-บ้านฉาง
รวมทางแยกไปบรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข34 (บางวัว) ทางแยกเข้า จ.ชลบุรี ทางแยกเข้าท่าเรือแหลมฉบัง ทางแยกเข้าพัทยาและทางแยกไปบรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 (บ้านอำเภอ) และทางเข้าท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา
การออกพระราชกฤษฎีกาฯ นี้ ดำเนินการเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัด ซึ่งให้เริ่มเข้าสำรวจที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายในแนวเขตที่ดินที่จะเวนคืนภายใน 180 วัน นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ และพระราชกฤษฎีกาฯ นี้มีกำหนดใช้บังคับ 5 ปี
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การดำเนินโครงการซึ่งมีการกำหนดที่ดินที่จะเวนคืนครั้งนี้ เป็นการก่อสร้างส่วนต่อขยายทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 เพื่อเชื่อมต่อเข้าสนามบินอู่ตะเภา ระยะทาง 1.92 กม. มีปริมาณทรัพย์สินที่ต้องจัดกรรมสิทธิ์ ประกอบด้วยที่ดิน 20 แปลง สิ่งปลูกสร้าง 3 ราย พืชผลต้นไม้ 20 ราย รวมค่าทดแทนในการเวนคืนรวมเป็นเงินงบประมาณ 107.7 ล้านบาท
สำหรับทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 นี้ ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่จะช่วยเติมเต็มโครงข่ายคมนาคมให้สมบูรณ์ เชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งจากรุงเทพฯ และปริมณฑลไปสู่ภาคตะวันออก
ส่งเสริมการให้บริการของโครงการสนามบินอู่ตะเภาเพื่อยกระดับสนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลัก แห่งที่3 ในพื้นที่ต่อเนื่องกับกรุงเทพฯ รวมถึงเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเมืองการบินภาคตะวันออก อันจะทำให้การพัฒนา (EEC) กลายเป็นเมืองท่าและเมืองธุรกิจที่สำคัญของประเทศ
ทั้งนี้ กรมการปกครองได้สำรวจแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาฯ แล้ว และสำนักงบประมาณได้แจ้งว่า จะจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้กรมทางหลวงสำหรับดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ