กรณีโรงโม่หินขนเครื่องจักรเข้ามาในพื้นที่ และมีกระแสข่าวการสร้างคลังเก็บวัตถุระเบิด ชาวบ้านผู้เดือดร้อนเข้าพบนายอำเภอคอนสาร ประกาศเดินหน้า เตรียมยื่นฟ้องศาลปกครอง ให้ยกเลิกแหล่งแร่ในเขตพื้นที่ และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ของกรมศิลปากรที่ประกาศเป็นแหล่งโบราณวัตถุโบราณสถาน และเป็นแหล่งต้นน้ำผุดธรรมชาติ
สำนักข่าวปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน รายงานว่า พิเชษฐ พันธุ์พงศ์ ตัวแทนชาวบ้านน้ำอุ่น (คุ้มตาดปูน) ต.ทุ่งนาเลา อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ แจ้งว่า วานนี้ (9 มี.ค.66) เวลา 13.30 น.ตนและชาวบ้านตาดปูน และชาวบ้านในชุมชนละแวกใกล้เคียง กว่า 30 คน ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายอำเภอคอนสาร พร้อมร่วมพูดคุยชี้แจงถึงข้อกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังทราบว่าจะมีการประกอบกิจการโรงโม่หิน เพราะล่าสุดเมิ่อ 31 ม.ค.66 โรงโม่หินศักดิ์ชัย 1992 จำกัด ได้มีการขนเครื่องจักรและมีกระแสข่าวเกี่ยวกับการสร้างคลังเก็บวัตถุระเบิดในพื้นที่
ตัวแทนชาวบ้านผู้เดือดร้อน แจ้งว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชาวบ้านจึงได้ร่วมคัดค้าน และเข้าร้องเรียนนายอำเภอ เพื่อให้พิจารณาและดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับสถานภาพการขออนุญาตต่อประทานบัตร รวมทั้งสถานภาพการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของงกรมป่าไม้ และการทำประชาคม
พิเชษฐ บอกถึงข้อสังเกตุ กรณีการทำประชาคม เมื่อ 23 ธ.ค.65 ที่มีการกล่าวอ้างว่าผู้นำชุมชน,หมู่บ้าน ได้รับคำสั่งจากทางอำเภอให้การทำประชาคม ตนมองว่าอาจไม่เป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการ และผู้เข้าร่วมมีแค่ชาวบ้านในพื้นที่คุ้มตาดปูน ไม่มีในพื้นใกล้เคียงที่อาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจมีการเสนอผลประโยชน์ให้กับนายทุนและกลุ่มเป้าหมายที่ได้เข้าร่วมทำประชาคม เพราะหลังการทำประชาคม ในวันที่ 4 ม.ค.66 ได้มีคณะกรรมการที่ทางอำเภอแต่งตั้งเพื่อตรวจสอบพื้นที่ว่าเป็นไปตามเงื่อนไข ในการอนุญาตสร้างสถานที่เก็บกักวัตถุระเบิดหรือไม่
ด้วยเหตุนี้ ตนจึงได้เรียนนายอำเภอ เพื่อให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ได้มีคำสั่งตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ และขอหนังสือสรุปรายงานการลงพื้นที่ตรวจสอบคลังเก็บวัตถุระเบิดในวันที่ 5 ม.ค.66 และวันที่ 31 ม.ค.66 ได้รับคำตอบจากนายอำเภอว่า ยังไม่ได้มีการเซ็นต์หนังสือรับรองให้มีการนำวัตถุระเบิดเข้ามาในพื้นที่แต่อย่างใด เพราะในพื้นที่มีการร้องเรียนมาจึงต้องทำการตรวจสอบอีกครั้ง
ตัวแทนชาวบ้านน้ำอุ่น บอกอีกว่า สำหรับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการขออนุญาตใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม ในพื้นที่จำนวน 88 ไร่ ซึ่งเป็นขอบเขตที่ดินที่กรมศิลปากรได้ประกาศเป็นเขตโบราณสถาน โบราณวัตถุ เมื่อวันที่ 5 ก.พ.53 หลังจากที่ชาวบ้านเคยเรียกร้องถึงผลกระทบที่เคยเกิดขึ้น กระทั่งโรงโม่ต้องปิดกิจการไปได้กว่า 10 ปี แต่เครื่องจักรกลของโรงโม่หินยังคงตั้งอยู่ในพื้นที่
จึงได้ขอให้นายอำเภอพิจารณาโดยสั่งการให้ดำเนินการทำหนังสือแจ้งไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าไม้คอนสาร (ชย.4) เร่งดำเนินการแจ้งไปยังโรงไม่หิน ให้หยุดทำกิจการใดๆ รวมทั้งในพื้นที่แปลง 57 ไร่ ที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ โดยนายอำเภอคอนสาร ได้ตอบรับว่าจะดำเนินการสอบถามและส่งหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ เช่น กรมป่าไม้ และอุตสาหกรรมจังหวัดชัยภูมิ เป็นการต่อไป
ทั้งนี้ชาวบ้านผู้เดือดร้อน แจ้งว่าเตรียมพร้อมเดินหน้าคัดค้านการประกอบกิจการโรงโม่ โดยจะมีการยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง และให้ยกเลิกการประกาศเป็นพื้นที่แหล่งแร่ในเขตพื้นที่ เพื่อป้องกันการกลับเข้ามาประกอบกิจการต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ วิถีชีวิตของชุมชน ไม่ให้เกิดความเสียหายอีก
เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางการแก้ไขในความรับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการประชุมร่วมกันกับชาวบ้านผู้เดือดร้อนเมื่อ 23 มี.ค.64 ให้ประกาศยกเลิกแหล่งแร่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ต.ทุ่งนาเลา อ.คอนสาร และให้มีคำสั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและเคลื่อนย้ายเครื่องจักรออกจากพื้นที่ของกรมศิลปากร