วันนี้ (22 มี.ค.2566) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงอนาคตทางการเมืองหากได้กลับมาเป็นรัฐบาลโดยระบุว่า สิ่งที่ค้างคาอยู่นั้นก็ต้องผลักดันให้เกิดผลสำเร็จ เช่น กฎหมายกัญชา
หากพรรคภูมิใจไทยได้กลับเข้ามาเป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้งก็คงต้องเป็นเงื่อนไขแรกที่แจ้งให้พรรคร่วมรัฐบาลให้ผ่านกฎหมายนี้ ไม่ใช่ใช้เกมการเมืองดึงให้ไม่ผ่าน
ส่วนขั้วการเมืองต้องดูแลการเลือกตั้งแต่ละพรรคว่า มีที่นั่ง ส.ส.เท่าใด ยืนยันว่าพรรคไม่มีปัญหาขัดแย้งกับใคร ส่วนเรื่องเจตนารมณ์ แนวคิด อุดมการณ์เป็นอีกเรื่องหนึ่งว่าจะไปด้วยได้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าจำเป็นต้องเลือกระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร นายอนุทิน ตอบว่า เมื่อเข้าใกล้การเลือกตั้ง ทุกคนจะต้องใช้ผลการเลือกตั้งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการตัดสินใจทิศทางทางการเมืองแต่ละพรรค
นายอนุทิน กล่าวว่า จำนวนที่นั่ง ส.ส.ที่ประชาชาชนเลือกเข้ามา นอกจากจะเป็นการกำหนดแต่ละพรรคมี ส.ส.กี่คน
แต่พรรคภูมิใจไทยเราต้องแปลไปลึกกว่านั้นว่า ประชาชนสั่งให้เราทำอะไร เราขัดประชาชนไม่ได้ เราทำตามความต้องการของประชาชนเสมอ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเสียสมาธิหรือไม่กับเรื่องของนายชูวิทย์ นายอนุทินตอบว่า ผมยังทำงานได้อยู่ ทั้งงานการเมือง งานบริหารราชการแผ่น ผลักดันเงินให้ อสม.ได้ เรื่องแค่นี้คงไม่ทำให้มีความกังวลใด ๆ
ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ลงสมัครหรือไม่ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นั้น นายอนุทิน ตอบว่า วันนี้เป็นการเมืองในระบอบประชาธิปไตย 100% ไม่มีการเปลี่ยนผ่านของระบบใด ๆ
อย่างปี 2562 เป็นการเปลี่ยนผ่านจากมือ คสช.มาในระบบรัฐสภา และยังมีข้อกำหนดมากมายที่เป็นบทเฉพาะกาลซึ่งหายไปหมดแล้ว แต่ตอนนี้เหลืออย่างเดียว ส.ส.เลือกนายกฯ ซึ่งปีหน้าก็จบแล้ว
ดังนั้น การเลือกตั้งปี 66 เป็นการแข่งขันกันสร้างความชอบธรรม ความดีให้กับประชาชน และประชาชนเป็นผู้เลือก ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบอะไร นายกฯ จะลงแบบไหนเราไม่มีสิทธิไปก้าวก่ายเพราะอยู่คนละพรรค มีแต่ให้กำลังใจกันและกัน
การเป็น ส.ส.ก็เป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติ หากทำงานในสภาจะได้เข้าใจความต้องการของประชาชน แต่ถ้าเป็น ส.ส.ด้วย เป็นคณะรัฐมนตรีด้วย ก็ทำงานได้ 2 มิติ รับฟังปัญหาและแก้ไขปัญหาให้ประชาชน