เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (27 มี.ค.) มินอ่องหล่ายน์ หัวหน้าคณะรัฐประหารเมียนมา เรียกร้องให้นานาชาติที่วิจารณ์การทำรัฐประหารในเมียนมา สนับสนุนแผนการคืนสู่ประชาธิปไตยของรัฐบาลทหาร แทนที่จะเข้าข้างขบวนการต่อต้านเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งผู้นำรัฐประหารเรียกว่าเป็น “ผู้ก่อการร้าย” ที่มุ่งทำลายประเทศ
มินอ่องหล่ายน์ กล่าวในการสวนสนามประจำปีของกองทัพเมียนมา หลังจากการทำรัฐประหารในเดือน ก.พ. 2564 ส่งผลให้เกิดความโกลาหลในเมียนมาอย่างรุนแรง โดยผู้นำคณะรัฐประหารเมียนมากล่าวว่า การประณามจากนานาชาติเกี่ยวกับการปกครองของทหารของตัวเขาเอง มีพื้นฐานมาจากการปล่อยข้อมูลอันเป็นเท็จโดยรัฐบาลเงาอย่างรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG)
คณะรัฐประหารเมียนมาระบุว่า พวกเขาจะจัดการเลือกตั้งในเดือน ส.ค.นี้ ซึ่งข้อกล่าวอ้างดังกล่าวของกองทัพเมียนมา ถูกหลายฝ่ายมองว่าเป็นเรื่องหลอกลวง ทั้งนี้ มีแนวโน้มที่การเลือกตั้งจะถูกครอบงำโดยพรรคตัวแทนของทหาร ที่พ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมาของเมียนมา
“กองทัพและรัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินการกับกลุ่มก่อการร้าย ที่พยายามทำลายล้างประเทศและกำลังเข่นฆ่าผู้คน” มินอ่องหล่ายน์ กล่าวในการแถลง “ผมขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศ ร่วมมือกับความพยายามทั้งหมดของรัฐบาลชุดปัจจุบันอย่างรอบคอบ เพื่อไปสู่เส้นทางที่ถูกต้องในระบอบประชาธิปไตย”
การรัฐประหารของมินอ่องหล่ายน์ ยุติระบอบประชาธิปไตยเบื้องต้น และการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในเมียนมาลงอย่างกะทันหัน หลังจากการพัฒนาก้าวกระโดดของเมียนมาภายใต้รัฐบาลประชาธิปไตยในช่วงทศวรรษ ซึ่งเคยอยู่ภายใต้การปกครองของทหารมาเป็นเวลา 5 ใน 6 ทศวรรษที่ผ่านมาของประเทศ
จนปัจจุบันนี้ พรรคการเมืองของเมียนมาหลายพรรคถูกยุบ หรือหลายพรรคเลือกที่จะปฏิเสธในการเข้าร่วมการเลือกตั้ง ทั้งนี้ บางพรรคการเมืองของเมียนมาเป็นกลุ่มพันธมิตรกับทางรัฐบาลเงา NUG ซึ่งกำลังแสวงหาการสนับสนุนจากนานาชาติ และการหนุนหลังจากกลุ่มติดอาวุธที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีกองโจร ต่อกองกำลังความมั่นคงของคณะรัฐประหาร
กลุ่มองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่า กองทัพเมียนมากระทำการอย่างโหดร้าย ในการปฏิบัติการต่อกลุ่มต่อต้านการรัฐประหาร รวมทั้งการโจมตีพลเรือน ทั้งนี้ สหประชาชาติระบุว่า เมียนมามีผู้พลัดถิ่นอย่างน้อย 1.2 ล้านคน อย่างไรก็ดี รัฐบาลทหารระบุว่าพวกเขามีเป้าหมายโจมตีผู้ก่อการร้าย ไม่ใช่พลเรือน
มินอ่องหล่ายน์ กล่าวในคำปราศรัยว่า อำนาจอธิปไตยของเมียนมาต้องได้รับการเคารพ และย้ำว่ารัฐบาลทหารเมียนมา “จะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด” ต่อผู้ก่อการร้าย โดยจะมีการบังคับใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่สำคัญ ที่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพเมียนมา
ที่มา: