วานนี้ (5 เม.ย.2566) พรรคเพื่อไทย จัดงานปราศรัยใหญ่ครั้งแรกกับงาน ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ตอน One Team for all Thais : หนึ่งทีมเพื่อไทยทุกคน’ ณ ธันเดอร์โดม สเตเดียม เมืองทองธานี พร้อมเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ทั้ง 3 คน ได้แก่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร, นายเศรษฐา ทวีสิน และ นายชัยเกษม นิติสิริ
ภายในงานมีผู้บริหาร กรรมการบริหารพรรค ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยจำนวน 100 คน , ส.ส.ระบบเขต สมาชิกพรรค ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยและประชาชนเข้าร่วมงาน
เปิด 11 นโยบาย “ลดภาระค่าครองชีพ – กระตุ้นศก.”
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยได้เปิด 11 นโยบายที่แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยประกาศในงาน ได้แก่
1.กระตุ้นเศรษฐกิจทั้งประเทศ เติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้ทุกคนใช้จ่ายใกล้บ้าน 4 กม. ให้คนไทยทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปโดยจะมีอายุการใช้งานนาน 6 เดือน
2.ลดความเหลื่อมล้ำ ทุกครัวเรือนมีรายได้ไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อเดือน
3. เพิ่มคุณภาพชีวิต ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน ภายในปี 2570
4. 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์เพาเวอร์ เรียนฟรี มีงานทำ สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง รายได้ 200,000 บาทต่อปี
5.รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โดย พรรคเพื่อไทยจะเจรจากับภาคส่วนต่างๆ ให้ลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าเป็น 20 บาทตลอดสาย เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้พี่น้องประชาชน
6.ลดราคาน้ำมัน ไฟฟ้า แก๊สหุงต้ม ทันที โดยจะเร่งเจรจาพื้นที่ทับซ้อน เพื่อเพิ่มแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มีราคาถูก ทำให้รัฐมีรายได้จากค่าภาคหลวง รวมถึงสนับสนุนพลังงานสะอาด
7. พักหนี้เกษตรกร 3 ปี รายได้เพิ่มเป็น 3 เท่า ภายในระยะเวลา 4 ปี เพื่อลดภาระในการทำมาหากิน
8. เร่งรัดออกโฉนด แก้กฎหมาย พิสูจน์สิทธิ จัดหาที่ทำกิน 50 ล้านไร่ เพิ่มพื้นที่สีเขียวทั่วประเทศ
9.ปฏิรูประบบราชการ สะดวก รวดเร็ว ลดคอร์รัปชัน ด้วยรัฐบาลดิจิทัล
10. ปราบยาเสพติด เห็นผลใน 1 ปีโดยจะปราบปรามผู้ผลิตและผู้ขาย อย่างเต็มรูปแบบและเปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย
11. แก้ปัญหา PM 2.5 ที่ทุกต้นตอ โดยจะผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาดเพื่อสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน แก้ไขปัญหาทันทีด้วยการแจ้งเตือนค่าฝุ่นล่วงหน้า อพยพกลุ่มเสี่ยงไปยังพื้นที่ปลอดภัย แก้ปัญหาที่ทุกต้นตอ
“ชลน่าน” ย้ำไม่มีดีลลับ “พปชร.-ประวิตร”
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขึ้นกล่าวปราศรัยโดย ระบุว่าวันนี้ พรรคเพื่อไทยได้ยื่นบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 รายชื่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)เรียบร้อย และพรรคเพื่อไทยจับสลากได้หมายเลขพรรคคือเบอร์ 29 แล้ว
ดังนั้น วันที่ 14 พ.ค.นี้ สองเท้าก้าวเข้าคูหากาเพื่อไทยเบอร์ 29 ปิดฉากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกไป เอาระบอบประยุทธ์ออกไปพร้อมทั้ง 250 ส.ว.และเครือข่าย 3 ป.
นพ.ชลน่านกล่าวเพิ่มเติมว่า ตนพูดยืนยันหลายครั้ง และขอพูดให้ชัดเจนอีกครั้งว่า พรรคเพื่อไทยไม่จับมือใคร ไม่มีดีลลับกับใคร
ขอประกาศทุบโต๊ะดัง ๆ ว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีดีลลับกับพรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพรรคเพื่อไทยมุ่งหน้าตั้งเป้าแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน 310 เสียงขึ้นไป ดังนั้น คนที่พรรคเพื่อไทยจะจับมือด้วยคือพี่น้องประชาชนเท่านั้น
ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คนนั้น พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าเป็นผู้ที่มีความพร้อมทั้งด้านคุณสมบัติไม่มีลักษณะต้องห้ามและมีหัวใจที่ต้องการจะไปรับใช้ไปดูแลพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง ทั้ง 3 รายชื่อมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไป
“ชัยเกษม” เล็งแก้รัฐธรรมนูญ หวังแก้ทุกปัญหา
ขณะที่ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายก ฯ พรรคเพื่อไทย กล่าวประกาศจุดยืนในการเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า
ตนยังคงมั่นตามหลักนิติรัฐและนิติธรรมที่ดี และเชื่อว่า กฎหมายคือเครื่องมือของรัฐในการควบคุมการดำเนินกิจกรรมของสังคม อำนวยความสะดวกประชาชน และพัฒนาประเทศชาติ
พร้อมพูดถึงรายละเอียดนโยบาย 3 ประการ ที่จะสร้าง นิติธรรมนิติรัฐที่ดี ส่งเสริมให้เศรษฐกิจดีขึ้น และชีวิตทุกคนจะดีตามมา ได้แก่ ทำให้กระบวนการยุติธรรมเท่ากับความยุติธรรม, ปฏิรูประบบราชการทั้งระบบให้กลับมามีหัวใจเป็นประชาชน และแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ทำให้กระบวนการยุติธรรมเท่ากับความยุติธรรม
พรรคเพื่อไทย จะสร้างกระบวนการยุติธรรมที่ซื้อไม่ได้ และปรับปรุง ยกเลิก กฎหมายที่ล้าหลัง ไม่เอื้อประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่
รวมถึงลดขั้นตอนใช้ดุลยพินิจ เพื่อให้แน่ใจว่าประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเป็นธรรมและถ้วนหน้า
ปฏิรูประบบราชการทั้งระบบให้กลับมามีหัวใจเป็นประชาชน
ทั้งนี้ จะยกระดับหน่วยงานราชการเป็นดิจิตัลให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการรัฐในที่เดียว และสามารถตรวจสอบผ่าน Blockchain ได้อย่างโปร่งใส, เปลี่ยนการชำระค่าธรรมเนียมเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ และใช้ “Central Bank Digital Currency (CBDC)”
ในการจัดจ้างและดำเนินการของภาครัฐ เพื่อป้องกันการทุจริตในระบบราชการและยกระดับระบบการเงินของประเทศ รวมถึงสนับสนุนการทำ “Open Government” เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้ทุกภาคส่วน
แก้ปมแรกของทุกปัญหา ด้วยการแก้รัฐธรรมนูญ
เพื่อให้รัฐธรรมนูญเป็นประโยชน์ และคุ้มครองเสรีภาพของประชาชน โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ต้องมาจากการเลือกของประชาชน
รวมถึงต้องมีมาตราสำหรับการป้องกันรัฐประหารให้เป็นความผิดฐานเป็นกบฏ ไม่มีกำหนดอายุความ ตามที่พรรคเพื่อไทยเคยได้เสนอไว้ เพื่อให้รัฐธรรมนูญไทยตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการยึดอำนาจอีก
“อุ๊งอิ๊ง” ย้ำจุดยืนเลือก “เพื่อไทย” ให้แลนด์สไลด์
ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายก ฯ พรรคเพื่อไทย ย้ำจุดยืนแลนด์สไลด์ เลือกเพื่อไทยอย่างถล่มทลาย ให้นายฯคนที่ 30 ของประเทศ มาจากพรรคเพื่อไทย
แม้นายก ฯ จะมีได้แค่คนเดียว จากแคนดิเดต 3 คน ตนพร้อมทำหน้าที่นำทีมบริหารรัฐบาล ผลักดันนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่จะทวงคืนประชาธิปไตยและสร้างความมั่งคั่งให้กับประชาชนทุกคน
“เศรษฐา” ตั้งเป้าแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ลดเหลื่อมล้ำ
นายเศรษฐา แคนดิเดตนายก ฯ พรรคเพื่อไทย กล่าวย้ำว่า ทางเดียวที่จะแก้ไขความเหลื่อมล้ำเหล่าได้ คือภาครัฐที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง
เป็นสิ่งที่จุดประกายให้มาเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อรับบทบาทในการแก้ไขความเหลื่อมล้ำในสังคม เพื่อให้ลูกหลานได้มีสังคมและชีวิตที่ดีกว่า
พร้อมกล่าวถึง นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายเรื่อง ทั้ง “การเติมเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัล” การหาตลาดให้กับผู้ผลิตสินค้าในไทย การผลักดันนโยบายด้าน Soft Power
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทัดเทียมระดับโลก การบริหารจัดการพื้นที่ชลประทานอย่างเป็นระบบ ไปจนถึงการแก้ไขปัญหา PM2.5
นายเศรษฐา ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ศัตรูของคนไทยคือความยากจน ความไม่เท่าเทียม ความลำบากของประชาชน ชัยชนะต่อสิ่งเหล่านั้น คือ เป้าหมายที่แท้จริง
ตนมีความตั้งใจจริงที่จะเข้ามาทำงานเพื่อที่น้องประชาชนได้มีชีวิตที่ดีขึ้น จึงต้องขอให้ประชาชนคนไทยทุกคนช่วยเป็นกำลัง ส่งเพื่อไทยไปจัดตั้งรัฐบาลให้มีนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 มาจากพรรคเพื่อไทย
การเลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ ทั้งคน ทั้งพรรค เพื่อส่งต่ออนาคตที่มีแสงสว่าง มีความหวังให้ลูกหลานของเรา