วันนี้ (7 เม.ย.2566) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค และนายจักรพงษ์ แสงมณี กรรมการบริหารพรรค แถลงข่าวกรณีพรรคเพื่อไทยประกาศปราศรัยบนเวทีที่เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา
นายเศรษฐา ทวีสิน ระบุว่า พรรคเพื่อไทยมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเปิดกระเป๋าเงินดิจิทัล หรือ ดิจิทัล วอลเล็ต เพื่อยกระดับการจับจ่ายใช้สอยของคนในท้องถิ่น โดยจะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน เติมเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท มีการระบุวิธีการใช้เงิน กำหนดพื้นที่ใช้จ่าย และจำกัดไม่ให้นำไปใช้ไม่เหมาะสม
ส่วนการขยายพื้นที่การใช้ในพื้นที่ห่างไกล และการใช้หนี้สถาบันการเงินนั้น ทางพรรคฯ จะขอใช้เวลาลงพื้นที่พูดคุยกับประชาชน เพื่อนำความเห็นมาปรับเพิ่มเติมให้เหมาะสมที่สุด เนื่องจากยังมีเวลาเหลืออยู่
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ส่วนข้อกังวลว่าจะเป็นการตอกย้ำความยากจนหรือไม่นั้น ตนมองว่านี่คือการช่วยเหลือประชาชน เพราะนโยบายเพื่อไทยคือพาคนไทยพ้นหลุมดำ ความยากจน และดิจิทัล วอลเล็ตจะเป็นจุดเริ่มต้นให้คนไทยลุกขึ้นทำมาหากินได้อีกครั้ง และหากจัดตั้งรัฐบาลเสร็จจะเริ่มดำเนินการให้ทันภายในวันที่ 1 ม.ค.2567
ขณะที่ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจฯ กล่าวว่า หลังสถานการณ์โควิด-19 ผ่านไป เศรษฐกิจไทยตกต่ำรั้งท้ายอาเซียน ชาวบ้านมีรายจ่ายเพิ่ม แต่รายได้ไม่พอ จึงไม่อยากหยอดน้ำข้าวต้มเพื่อยื่นความตาย แต่ต้องปั้มหัวใจฟื้นอย่างรวดเร็วและแข็งแรง
“ดิจิทัล วอลเล็ต เป็นมาตรการระยะสั้น ปลุกกำลังซื้อของคนไทยให้ฟื้นขึ้น มีนักเศรษฐศาสตร์บอกว่าเป็นการกระตุ้นการบริโภคอาจจะไม่ถูกทาง ดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ในภาคการเกษตรถือว่ามีความหมายมาก เพราะสามารถทำมาหากินในแปลงเกษตรกรรมได้ และระหว่าง 6 เดือนจะมีมาตรการรองรับ ถือเป็นมาตรการระยะสั้น ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นและแข่งขันกับต่างประเทศได้” นพ.พรหมมินทร์ กล่าว
ประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจฯ กล่าวอีกว่า สำหรับงบประมาณในการทำนโยบายนี้คาดว่าจะมีการจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น 260,000 ล้านบาท และจากภาษีต่างๆ อีก 100,000 ล้าน และงบจากโครงการอื่นที่ไม่จำเป็นต้องใช้มารวมกัน
ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล กล่าวว่า คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปจะมี 2 บัญชี คือ บัญชีออมทรัพย์ทั่วไป และบัญชีดิจิทัล วอลเล็ตที่จะผูกบัตรประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะมีกุญแจดิจิทัลให้กับประชาชนเข้าถึงบัญชีนี้ ดึงดูดผู้ใช้ด้วยการใส่เงินก้นถุง 10,000 บาทให้กับประชาชนทุกคน มีเงื่อนไขว่าใช้ภายใน 6 เดือน ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว ช่วย SME ได้
เมื่อจบโครงการนี้ ประเทศจะก้าวเข้าสู่ระบบการเงินยุคใหม่ด้วย (CBDC) หรือ Central bank digital currency และจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค รายได้มหาศาล การสร้างงาน การจ้างงานจะเกิดขึ้น ทั้งหมดคือการลงทุนที่ผลตอบแทนสูง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ธนกร” จี้ กกต.ตรวจสอบนโยบาย พท.เติมเงิน 1 หมื่น ชี้ชูตัวเลขดึงคะแนน
“ช่อ” ช่วยผู้สมัคร ส.ส.ชัยนาท “ก้าวไกล” หาเสียง ชูนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหาร
“อรรถวิชช์” ชี้ บรรทัดฐานใหม่ ศาลยกฟ้องเรื่องแบ่งเขต หวั่น ปชช.สับสน