หน้าแรก Voice TV ร้อนแรงกว่าแดดเมษา! ดีเบตไฟลุก “ธนาธร VS สุชาติ” สาดวาทะ-จัดหนัก สุดท้ายพิธีกรห้ามทัพ

ร้อนแรงกว่าแดดเมษา! ดีเบตไฟลุก “ธนาธร VS สุชาติ” สาดวาทะ-จัดหนัก สุดท้ายพิธีกรห้ามทัพ

85
0
ร้อนแรงกว่าแดดเมษา!-ดีเบตไฟลุก-“ธนาธร-vs-สุชาติ”-สาดวาทะ-จัดหนัก-สุดท้ายพิธีกรห้ามทัพ

ดีเบตเวทีเนชั่นเดือด! “สุชาติ” เคลม อิซุสุ-โตโยต้า จ่ายโบนัสพนักงานได้ 8-10 เดือน-อัตราว่างงานต่ำสุดในโลกแค่ 1% กว่าเพราะผลงานรัฐบาลรักษาการจ้างงานไว้ได้ “ธนาธร” เบรค ชี้เขาจ่ายโบนัส 8 – 10 เดือน มาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ช่วยท้ายหวิดมวย “สุชาติ” เดือด ชี้ “ธนาธร” ไม่ให้เกียรตินักการเมืองก็อย่ามาเป็น เถียงกันไปมา จนพิธีกรต้องห้ามทัพ

เมื่อวานนี้ (8 เม.ย.) ระหว่างการประชันวิสัยทัศน์ระหว่างตัวแทนพรรคการเมือง 8 พรรค ในรายการสด “DEBATE ประเทศไทย เปิดเวทีภาคตะวันออก” โดยสำนักข่าว Nation โดยมีตัวแทนจากหลายพรรคการเมือง ในช่วงหนึ่ง สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และตัวแทนจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้กล่าวถึงผลงานรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยระบุว่าช่วงที่เกิดโควิด รัฐบาลได้เป็นผู้ประคับประคองอุตสาหกรรมส่งออกและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จนสถานการณ์เศรษฐกิจอยู่ในการควบคุม

ทำให้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สภายานยนต์แห่งประเทศไทยได้ตกลงโบนัสพนักงานในระดับที่น่าพอใจ เช่น อิซุสุ ให้ 8.5 เท่า บวกเงินอีก 3.5 หมื่นบาท โตโยต้า ให้ 7.5 เท่าบวกเงินอีก 3.8 หมื่นบาท ซึ่งทั้งหมดนี้ เกิดจากโครงการ Factory Sandbox ที่ตรวจโควิดฟรี เช่าโรงแรมให้กักตัว ฉีดวัคซีนให้หมด 100% และห้ามปิดโรงงาน ทำให้บริษัทต่างๆ ยังคงผลิตตามออเดอร์ส่งออกได้ตลอดเวลา จนบริษัทในไทยหลายบริษัท ยังคงทำกำไรและรักษาการจ้างงานเอาไว้ได้ และทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราว่างงานต่ำที่สุดในโลก อยู่ที่แค่กว่า 1% เกิดจากรัฐบาลรักษาการจ้างงานเอาไว้ได้

ซึ่งในช่วงต่อมา ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ได้ใช้โอกาสแจกแจงข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยระบุว่าตนไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจผิด เพราะบริษัท โตโยต้า และอิซุสุ จ่ายโบนัสระดับ 8 – 10 เดือนให้พนักงานมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว อีกทั้งการว่างงานก็ยืนอยู่ที่ระดับ 0.75 -1.5% เป็นสิบๆ ปีมาแล้วเช่นกัน ไม่ใช่ผลงานของใครคนใดคนหนึ่งแน่ๆ

ทำให้สุชาติ ใช้สิทธิพาดพิงลุกขึ้นตอบโต้ โดยระบุว่าธนาธรไม่ได้อยู่แบบตนเอง อาจจะฟังมาผิดพลาดคลาดเคลื่อน เพราะถ้ารัฐบาลไม่แก้ปัญหาโควิด ไม่รักษาการจ้างงาน ไม่รักษาออเดอร์ส่งออก ก็ไม่มีวันนี้

S__14254083.jpg

ขณะที่ธนาธรเอง ก็ตอบโต้อย่างทันควันเช่นกัน โดยระบุว่าตนอยู๋ในอุตสากรรมนี้มา 20 ปี สุชาติไม่รู้สู้ตนแน่ๆ ส่วนอัตราการว่างงานของประเทศไทย ต้องย้ำอีกครั้งยืนอยู่ระดับนี้มาเป็นสิบๆ ปีแล้วที่ 0.75 – 1.5% แม้แต่ช่วงโควิดก็เพิ่มขึ้นไปไม่ถึง 2% แล้ววันนี้ตกมาสู่ระดับเดิมแล้ว ทั้งนี้ไม่ต้องเชื่อตนก็ได้ ทุกคนสามารถไปหาดูเองได้จากเว็ปหน่วยงานรัฐทั่วไป

หลังจากนั้น ในช่วงท้ายของการดีเบต พิธีกรได้ให้ตัวแทนแต่ละพรรคการเมืองได้พูดทิ้งท้ายสั้นๆ ซึ่งหลายพรรคการเมืองได้เน้นย้ำถึงการไม่ทะเลาะขัดแย้งกัน ทว่าในส่วนของธนาธร ได้กล่าวในช่วงของตนว่าอนาคตของประเทศไม่ใช่เรื่องของการที่ใครจะทะเลาะกับใครหรือไม่ แต่คือการยืนยันเรื่องพื้นฐานที่สุด นั่นคือการที่ประเทศไทยต้องเป็นประชาธิปไตย ให้ไม่มีการรัฐประหารอีกในอนาคต จะทะเลาะกันหรือไม่ต้องยืนยันหลักการพื้นฐานเหล่านี้

“แต่ที่ประเทศไทยมีประชาธิปไตยไม่ได้ มีรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็เพราะมีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งยังฝักใฝ่รับใช้เผด็จการ ถ้าไม่ทางตรงก็ทางอ้อม เป็นนั่งร้านหรือรับใช้พวกเขาตรงๆ การมีนักการเมืองอย่างนี้ทำให้เผด็จการไม่สูญหายไปจากประเทศไทยเสียที” ธนาธรกล่าว

หลังจากนั้น สุชาติ ได้ลุกขึ้นตอบโต้ในทันทีด้วยท่าทีที่มีอารมณ์ พร้อมระบุว่าธนาธรกำลังพาดพิงนักการเมืองทั้งประเทศ ถ้าไม่ชอบนักการเมืองก็อย่ามาเป็นนักการเมือง ซึ่งธนาธรก็ได้ตอบโต้ทันทีเช่นกัน โดยระบุว่านักการเมืองเป็นอาชีพที่มีเกียรติ เพราะเป็นอาชีพเดียวในประเทศนี้ที่ประชาชนแต่งตั้งมาโดยตรง และเพราะประชาธิปไตยที่ทำให้มีนักการเมือง ดังนั้น นักการเมืองที่ไม่เคารพประชาธิปไตย ก็คือนักการเมืองที่ไม่เคารพจริยธรรมวิชาชีพของตัวเอง

S__14254085.jpg

หลังจากนั้น สุชาติ ยังคงแสดงอาการเดือดอย่างเห็นได้ชัด พร้อมจี้ถามธนาธรว่าประเทศไทยทุกวันนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างไร จนกระทั่ง ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ จากพลังประชารัฐ พยายามปรามให้สุชาติอย่าใช้อารมณ์จนเกินเหตุ ซึ่งธนาธร ก็ได้ยกตัวอย่างถามกลับสุชาติ ว่าการมี ส.ว. แต่งตั้ง 250 คน เป็นประชาธิปไตยหรือไม่ การมี กกต. เปลี่ยนสูตรปาร์ตี้ลิสต์ตามใจชอบเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ และ กกต.พวกนี้แต่งตั้งโดยใคร โดยอย่างไรก็ตาม พิธีกรเวทีได้ตัดสินใจตัดบทการโต้เถียงระหว่างทั้งสอง และดำเนินเวทีในช่วงท้ายก่อนปิดการดีเบตต่อไป

โดยปิดท้ายเวทีที่ สนธยา คุณปลื้ม แกนนำพรรคเพื่อไทย ซึ่งร่วมเวทีดังกล่าวด้วย กล่าวว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ก็ยังคงยึดหลักการ “คิดใหญ่ ทำเป็น” วันนี้ทุกท่านได้ฟังนโยบาย แนวคิด และการนำเสนอของแต่ละพรรคไปหมดแล้ว ในส่วนของพรรคเพื่อไทยก็ได้นำเสนอนโยบายไปแล้ว เป็นรูปธรรมอย่างไรก็คงพอจะทราบกันดี และหลายนโยบายในอดีตก็ทำได้เป็นที่ประจักษ์ ผู้สมัครทุกคนของพรรคมีคุณสมบัติอย่างไร ดังนั้น ทุกท่านคงพิจารณาผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็น ส.ส.ทำหน้าที่บริหารประเทศ ในวันที่ 14 พ.ค.นี้

ขอบคุณภาพจาก : Nation online DEBATE ประเทศไทย เปิดเวทีภาคตะวันออก พบแม่ทัพพรรคการเมือง กับนโยบายที่กินได้

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่