วันนี้ (15 เม.ย.2566) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย พร้อมกับผู้สมัคร ส.ส. ชะวรลัทธิ ชินธรรมมิตร ลงพื้นที่ตลาดบ้านโป่ง จ.ราชบุรี พบปะประชาชน และพ่อค้าแม่ค้า ซึ่งบางคนขอจับมือแล้วบอกว่ามือนุ่มมาก และได้จับมือคนรวยจะได้รวยตาม พร้อมกับชมว่าหล่ออะไรอย่างนี้ โดยนายเศรษฐากล่าว กับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนในตลาด ขอโอกาสพรรคเพื่อไทย เข้ามาแก้ไขปัญหาที่สะสม อยู่ในขณะนี้
จากนั้นนายเศรษฐาเดินทางไปที่ อาคารอารีน่าบ้านโป่ง ร่วมสรงน้ำพระพุทธรูป และรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ พร้อมพบประชาชนร่วม 2,000 คน ที่มาฟังการปราศรัยย่อย ซึ่งนายเศรษฐาได้กล่าวถึงความซาบซึ้งใจที่ประชาชนจำนวนมากได้มาพบกันในวันนี้ และยังคงเหลืออีก 30 วันที่พรรคเพื่อไทยจะเดินสายปราศรัยหาเสียง
พร้อมระบุด้วยว่า 8 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาประชาชนทุกข์ทรมาน และการทำงานของเพื่อไทยการปูทางไปหาทางออกที่ดีสำหรับอนาคต แต่รัฐบาลชุดปัจจุบันมีเวลาทำงานมาถึง 8 ปีแล้ว ซึ่งไม่สามารถจะอ้างได้ ว่าทำไมประชาชนถึงต้องทนอยู่ในสภาพปัจจุบัน ทั้งปัญหารายจ่ายเพิ่มรายได้ลด ฝุ่น PM 2.5 ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ และบางคนไม่ต้องการถูกบังคับให้ เกณฑ์ทหารพรรคเพื่อไทยจึงเสนอนโยบายให้สมัครใจเกณท์ทหาร
“เข้าใจดี จ.ราชบุรี เป็นเขตทหาร สถาบันทหารเป็นสถาบันที่เราพึ่งได้ เพราะฉะนั้นประชาชน มีสิทธิเลือกที่จะประกอบอาชีพใดๆ รวมทั้งสิทธิการเกณท์ทหารที่ควรจะได้ ไม่ใช่ว่าใครไม่อยากเป็นทหารให้ออกไปอยู่นอกประเทศ ก็ถูกบังคับกล่าวหาว่าชังชาติ แต่เป็นสิทธิในการเลือกประกอบอาชีพ เพราะฉะนั้นพรรคเพื่อไทยสนับสนุนให้สมัครใจเกณฑ์ทหาร” นายเศรษฐากล่าว
นายเศรษฐา ยังทักท้วงเรื่องของการเติบโตทางเศรษฐกิจจีดีพีที่ตกต่ำลงเหลือ 2.3 ว่าค่า PM 2.5 ต่ำจนน่าอับอายประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งมาเลเซียเวียดนามที่เป็นคู่แข่งด้านการค้ากับไทย ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน เกือบจะเรียกได้เต็มปากว่าไม่เคยไปเจรจาเปิดตลาดสินค้าในต่างประเทศให้กับคนไทย ไม่ว่าด้วยไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ หรือความไม่สนใจ หากแต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้รับเลือกจากประชาชน ไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะเป็นคนใด เรื่องที่สำคัญจะดำเนินการคือการเปิดตลาดการค้าในต่างประเทศ
พร้อมกันนี้ยังชี้แจงเรื่องของ นโยบายหาเสียงกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งหากบ้านไหนมีสมาชิก 4-5 คนก็รับไปเต็มๆ 40,000 – 50,000 บาท วอนประชาชนอย่าให้ใครมาด้อยค่านโยบายนี้ อย่าให้เขามาบอกว่านโยบายนี้ไม่ดี ยันคิดมาอย่างดี ทุกคนอายุ 16 ปี ขึ้นไป ได้ทั้งหมด และราคาเหรียญดิจิทัลไม่มีการขึ้นลงตามคริปโต เพียงแต่จำกัดเวลาใช้ในระยะ 6 เดือนรัศมี 4 กิโลเมตรจากที่อยู่ตามบัตรประชาชน
ถ้าเปรียบเทียบกับนโยบายบังคับที่จ่าย 500 , 700 , 1000 บาท ต่อเดือนเอาไปทำอะไรได้ มันเหมือนกับพี่น้องประชาชนเป็นคนป่วยหยอดน้ำข้าวต้ม ไปเรื่อยๆ หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะให้ทีเดียว 10,000 บาทสามารถให้ประชาชนนำไปตั้งตัวได้เลย
นอกจากนี้ยังกล่าวเสริมว่ามีนโยบายเพิ่มเติมของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรายได้ขั้นต่ำ 20,000 บาท ถ้ามีการสำรวจแล้ว ครอบครัวไหนได้ไม่ถึงเราจะเติมให้ ยกระดับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ยันดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดจนตาม ขอเลือกเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรคให้เพื่อไทยไปผลักดันนโยบาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
กกต.ประกาศตัดสิทธิ 1 แคนดิเดตนายกฯ ชี้ให้ร้องศาลใน 7 วันหากไม่เห็นด้วย
“เศรษฐา” มอง “บัตรลุงตู่พลัส” เปรียบหยอดน้ำข้าวต้ม เพิ่มปลาแห้ง
