ผู้นำท้องถิ่นและชาวบ้านตำบลบางคลานยื่นหนังสือให้ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ขอความเป็นธรรม ด้าน ‘บิ๊กโจ๊ก’ เตรียมตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาตรวจสอบทรัพย์สินให้เกิดความชัดเจน หวังยุติปัญหาที่ยืดเยื้อมา 8 ปี
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 17 เม.ย. 2566 ที่ สภ.โพทะเล อ.โพทะเล จ.พิจิตร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เดินทางไปติดตามความคืบหน้ากรณีมีการก่อเหตุวุ่นวายและมีการทำร้ายร่างกายกัน ทำให้ตำรวจออกหมายจับผู้ก่อเหตุและตามจับกุมได้ จำนวน 9 ราย เหตุเกิดเมื่อ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา โดย รอง ผบ.ตร.ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวน โดยมี พล.ต.ต.กำธร จันที ผบก.ภ.พิจิตร และพนักงานสอบสวน รายงานความคืบหน้า
หลังจากนั้น สุภา อยู่ยืด แกนนำองค์กรชุมชนรักวัดหิรัญญารามหรือวัดบางคลาน พร้อมผู้นำท้องถิ่น ที่ต่อต้านการแต่งตั้งพระครูวิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือวัดบางคลาน ได้นำหนังสือขอความเป็นธรรม ยื่นกับ รอง ผบ.ตร.กรณีที่กลุ่มชาวบ้านถูกบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรมจากเจ้าอาวาสถูกดำเนินคดีนับร้อยรายและเบื้องหลังความเป็นมาของความขัดแย้งภายในวัดบางคลานตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา
ภายหลังประชุมแล้วเสร็จ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ปัญหาที่สั่งสมมางานของวัดบางคลาน ตลอด 8 ปี ถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย และมีการฟ้องร้องรวมถึงมีคำสั่งบังคับคดี และ ยังติดปัญหาอยู่ตรงที่กุฎิเจ้าอาวาส เพียงจุดเดียว จึงได้มี หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดและทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ข้อสรุปว่า อันดับแรกจะต้องสร้างความมั่นใจให้แก่กันโดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สินของวัดที่มีจำนวนมาก ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องมีการจัดตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาและนำเรื่องนี้ นำเรียนเจ้าคณะภาค เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ
เนื่องจากจำเป็นที่จะต้องบังคับคดีตามที่ศาลฎีกาสั่ง ดังนั้นการจะส่งมอบทรัพย์สินจะต้องมีคณะกรรมการที่น่าเชื่อถือและชาวบ้านไว้ใจซึ่งกันและกันเมื่อมีคณะกรรมการการกลางส่งมอบทรัพย์สินแล้ว จะต้องมีการตรวจสอบทรัพย์สินที่หายไปรวมถึงทรัพย์สินที่ได้มาใหม่ อยู่ครบไหมหรือในขณะที่เจ้าอาวาสรักษาการ มีทรัพย์สินอย่างใดบ้าง
โดยการตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมา จะประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด คณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่รวมถึง ตำรวจในพื้นที่
ขณะเดียวกัน ยังย้ำว่าเมื่อมีการแต่งตั้ง เจ้าอาวาสใหม่จำเป็นจะต้องมีการส่งมอบทรัพย์สิน ดังนั้นเมื่อทรัพย์สินหายไปก็จะต้องตรวจสอบ ขอให้มั่นใจตนเอง ทำอย่างตรงไปตรงมาและ การเดินทางมาในวันนี้ก็จะนำเรื่องนี้กราบเรียนพระชั้นผู้ใหญ่ที่กรุงเทพมหานครด้วย เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้เสร็จสิ้น เนื่องจากส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวจังหวัดพิจิตรไม่มีใครเดินทางมา ดังนั้นประชาชนในพื้นที่ก็ต้องให้ความร่วมมือ
โดยนึกหลักการแก้ปัญหาง่ายๆก็คือให้ผู้ใหญ่ลงมาแก้ปัญหา เพื่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจทั้งสองฝ่าย จึงขอให้ชาวบ้านใจเย็นๆยืนยันจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะมีการตรวจสอบทรัพย์สินทั้งเก่าและใหม่ทั้งหมด ซึ่งทรัพย์สินของวัดจะต้องตรวจสอบใครเอาไปใช้จะต้องวิบัติและถูกดำเนินคดีอาญา