‘วราวุธ’ ลั่นชาติไทยพัฒนา ชงติดโซล่าเซลล์ รัฐ-ประชาชน คนละครึ่ง แก้ค่าไฟแพง ชี้ปีหน้าร้อนหนัก รับมือเอลนิโญ่ จี้ภาครัฐหนุนติด โซล่าเซลล์ให้มาก-เร็วที่สุด
เมื่อวันที่ 20 เม.ย.66 วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีช่วยประชาชน ปัญหาค่าไฟฟ้าแพง ว่า การแก้ปัญหาเรื่องค่าไฟแพงในระยะสั้นตอนนี้ คือต้องมีการส่งเสริมให้ติด “โซล่าร์รูฟท็อป” และที่สำคัญการซื้อขายไฟระหว่างพี่น้องประชาชนกับหน่วยงานของรัฐนั้นจะต้องไม่พูดถึงราคาซื้อขาย แต่ให้ซื้อขายกันเป็นยูนิตเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม อีกทั้งบางบ้านอาจจะมีรายได้จากการขายไฟให้กับภาครัฐได้ด้วยเช่นกัน และขั้นตอนการซื้อขายไฟดังกล่าวปัจจุบันใช้เวลานานมาก กว่าจะได้ใบอนุญาต ดังนั้นต้องทำให้มาตรการเหล่านี้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ดังนั้น การแก้ปัญหาระยะสั้นนี้คือ 1.ติดโซล่ารูฟท็อป 2. ลดขั้นตอนการซื้อขายไฟระหว่างภาครัฐกับพี่น้องประชาชน
ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาว คือ 70% ของค่าไฟในวันนี้มาจากเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า ซึ่งวันนี้ประเทศไทยมีก๊าซธรรมชาติที่ใช้ภายในประเทศ และนำเข้าจากต่างประเทศ จากปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ค่าแก๊สแพงขึ้น ดังนั้นในอนาคตการที่จะมีพลังงานทดแทน ว่าจะเป็นโซล่าร์ , พลังงานลม ต่างเป็นพลังงานที่ไม่เสถียร ดังนั้นถึงจะมีพลังงานทดแทนมากก็ยังไม่ได้แปลว่าจะทำให้ระบบไฟในประเทศไทยมีความเสถียรได้ ดังนั้นการจะพัฒนาระบบแบตเตอรี่ให้มีความยั่งยืนมากขึ้น ให้สามารถลดต้นทุนได้มากขึ้นนั้นจะเป็นหนึ่งในการแก้ไขปัญหาระยะยาว
และที่สำคัญที่สามารถทำได้ในเบื้องต้นอีกอย่างหนึ่ง คือ การเจรจากับผู้ประกอบการในขณะนี้ ซึ่งทางภาครัฐจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้ผลิต ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ผลิตกระแสไฟก็ตามนั้น เม็ดเงินตัวนี้เป็นสัญญาที่ตนคิดว่าภาคเอกชนคงไม่มีใครยอมที่จะเจรจาด้วยหาก จะไปขอลดเงิน แต่คิดว่าควรจะขอลด และขณะเดียวกันก็เจรจาการทำสัญญาให้มีเทอมที่ยาวขึ้นได้หรือไม่
“เป็นการลดกำไรให้น้อยลง และเพิ่มปริมาณสัญญาให้มีความยาวมากขึ้น เพื่อให้ได้เม็ดเงินเท่าเดิม แต่ระยะเวลายืดยาวมากขึ้น ในระยะสั้นก็จะสามารถลดราคาค่า ft ของพี่น้องประชาชน ทำให้ค่าไฟลดลงได้มากอย่างแน่นอน อาจจะไม่ถึง 1 บาท แต่อย่างน้อย 50-80สต. ที่สามารถลดได้ในระยะสั้นขณะนี้” วราวุธ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคชาติไทยพัฒนามีนโยบายช่วยเหลือประชาชนอย่างไรเพราะในขณะนี้มีความต้องการติดโซล่าร์รูฟท็อป เป็นรายหลังคาเรือน เพื่อลดราคาค่าไฟลง บรรเทาค่าของชีพ ของแต่ละครัวเรือน วราวุธ กล่าวว่า ในมาตรการระยะสั้นนี้ทางพรรคชาติไทยพัฒนาเสนอให้ผลักดันการติดตั้งโซล่าร์รูฟท็อป ให้มากที่สุดและให้เร็วที่สุดในช่วงที่มาตรการราคาน้ำมันแพง ค่าแก๊สแพง
“สำหรับพี่น้องประชาชนหลายคนก็แน่นอนว่าวันนี้ไม่มีภาษีนำเข้าของแผงโซล่าเซลล์แล้วแต่ก็ยังมีราคาบางส่วนที่สูงอยู่ ทางพรรคชาติไทยพัฒนาจะเสนอให้ภาครัฐ สนับสนุนการติดตั้ง 50:50 กับพี่น้องประชาชน คือรัฐออกครึ่งหนึ่งและให้ประชาชนที่ติดโซล่าร์รูฟท็อป ออกอีกครึ่งหนึ่ง เพื่อเป็นการบรรเทาในสถานการณ์ที่ค่าไฟแพงเช่นนี้ ซึ่งการจะสนับสนุนเช่นนี้ อาจจะนำราคาค่าซื้อเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเป็นเกณฑ์ว่าหากราคาแก๊สเกินเท่านี้ หรือค่า ft เกินเท่านี้ต่อหน่วย ภาครัฐจะสนับสนุนการติดตั้งโซล่าร์รูฟท็อป ให้กับพี่น้องประชาชน”
ตอนนี้ต้องขอเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนในช่วงหน้าร้อนปีนี้ คิดว่ารัฐบาลชุดหน้าที่จะเข้ามาจะต้องคิดเรื่องค่าไฟ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการติดตั้งโซล่าร์รูฟท็อป หรือวิธีใดก็ตาม เพราะปีหน้าและปีถัดไป ยังอยู่ในช่วงเอลนิโญ่ จะทำให้อากาศร้อนมากอย่างแน่นอน และค่าไฟก็จะพุ่งอีก ดังนั้นจากนี้ไป 1 ปี แนะนำให้ทางภาครัฐสนับสนุนการติดตั้งโซล่าร์รูฟท็อปให้มากที่สุดและให้เร็วที่สุด
หวังนโยบาย ‘ว้าว ไทยแลนด์’ โดนใจพลังเงียบ
วราวุธ ให้สัมภาษณ์ถึงผลโพลล่าสุดของหลายสำนัก และการการปรับยุทธศาสตร์ในการหารเสียง ช่วงเวลาที่เหลือ 24 วัน ว่า ผลโพลที่ออกมาแน่นอนว่าบางครั้งไม่มีชื่อพรรคชาติไทยพัฒนา หรือชื่อนายวราวุธ แต่ในทางกลับกันผลที่ออกมาเป็นแรงผลักดัน ที่ทำให้เรา ผู้สมัคร ส.ส. ทุกคน และผู้บริหารของพรรค ต้องทำงานอย่างหนัก ในช่วงเวลาที่เหลือ การจะปรับแผนช่วง 24 วันสุดท้าย มีความสุ่มเสี่ยงพอสมควร แต่สิ่งที่พรรคมีอยู่ เรามีความมั่นใจในการนำเสนอ และจะเพิ่มความเข้มข้นในการพบปะพี่น้องประชาชน การดีเบตสร้างความเข้าใจ รวมถึงการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เชื่อว่าช่องทางเหล่านี้ จะช่วยสะท้อนความเป็นตัวตนของพรรคชาติไทยพัฒนาให้กับพี่น้องประชาชนได้ชัดเจนมากขึ้น
“ที่สำคัญเมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ในช่วง 20 กว่าวันนี้ จะเป็นโอกาส ให้พรรคชาติไทยพัฒนาได้แสดงวิสัยทัศน์ ได้แสดงภูมิความรู้ และได้แสดงแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ก็หวังว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากนี้ไปอีก 20 กว่าวัน เวทีต่างๆ ที่สื่อมวลชนได้เชิญพรรคการเมืองไปนำเสนอ จะทำให้ผลคะแนนของเราดีขึ้น ในวันเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566” นายวราวุธ กล่าว
เมื่อถามถึงแนวทางการดึงคะแนนเสียงจากกลุ่มประชาชนที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคการเมือง และแคนดิเดตนายกฯคนใด นายวราวุธ กล่าวว่า จะต้องเร่งนำเสนอสิ่งที่เป็นตัวตนของพรรค ในการเน้นเรื่องความยั่งยืน มั่นใจว่าจะสามารถดึงพลังเงียบที่อยู่ในประเทศไทยออกมาเป็นคะแนนได้
“กลุ่มพลังเงียบเหล่านี้ เป็นกลุ่มที่มีพลัง มีอำนาจในการตัดสินใจเยอะมาก บางพื้นที่มีเกือบ 50% จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สิ่งที่นำเสนอแนวคิดของพรรค เพื่อสร้างความยั่งยืน เพื่อลูกหลานของไทย จะเป็นสิ่งที่สามารถดึงดูด เรียกคะแนนจากกลุ่มพลังเงียบ และกลุ่มต่าง ๆ ที่ยังไม่ตัดสินใจ มาเลือกพรรคชาติไทยพัฒนาได้” วราวุธ กล่าว
วราวุธ กล่าวว่า ส่วนการเปิดเวทีปราศรัยแห่งแรกในพื้นที่กรุงเทพฯ ในวันเดียวกันนี้ ที่ตลาดป้ากิ่ง ซ.คู้บอน 27 นั้น เราต้องมองในความเป็นจริงว่า ยังไม่ได้ตั้งความคาดหวังไว้สูงในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่สิ่งที่สำคัญผู้สมัคร ส.ส. กทม. ของพรรคทุกคนในพื้นที่ จะทำงานทั้งก่อน และ หลังเลือกตั้ง พร้อมระบุว่าที่ผ่านมาได้เห็นปัญหาของ กทม. ในบางพื้นที่ จึงมั่นใจว่าไม่ใช่เรื่องยากที่จะแก้ไข
“พรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าจะเป็น สุพรรณบุรี ร้อยเอ็ด เพชรบุรี และอีกหลาย ๆ พื้นที่ เราทำมานับสิบปีแล้ว วันนี้ เรามั่นใจว่าเราจะสามารถแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องคนกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าเขต พื้นที่ใด ก็สามารถทำได้ เพียงเรามีโอกาส มีหู มีตา ช่วยทำงานสะท้อนความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่มาให้พวกเรา ก็จะเข้าไปแก้ปัญหาให้ ดังนั้นหากครั้งนี้ไม่ได้ ครั้งหน้าก็จะได้ แต่มั่นใจว่าอีกไม่นาน เราจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในกรุงเทพมหานคร” วราวุธ กล่าว
เมื่อถามถึงเซอร์ไพร์สในช่วงหาเสียงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง วราวุธ กล่าวว่า เซอร์ไพร์สของพรรคชาติไทยพัฒนา คือการลงพื้นที่ให้มากขึ้น ทำความเข้าใจให้มากขึ้น การออกเวทีดีเบตให้มากขึ้น พรรคของเราไม่ใช่พรรคใหญ่ แนวคิดเรื่องเซอร์ไพร์ส อาจเป็นอันตรายกับพรรคเล็กก็ได้ อาจเซอร์ไพร์สในทางดี หรือทางไม่ดีก็ได้ ดังนั้นสิ่งที่เราทำมา แนวนโยบายที่นำเสนอ เรามั่นใจในนโยบายความยั่งยืนของเรา เราก็จะทำตามสิ่งที่นำเสนอ