สถานีโทรทัศน์ CCTV ของรัฐบาลจีนวิพากษ์วิจารณ์สื่อตะวันตก จากการรายงานข่าวเกี่ยวกับจำนวนประชากรของจีน ที่ถูกแซงหน้าโดยอินเดีย โดยจงใจเพิกเฉยการรายงานต่อการพัฒนาของจีน โดยสื่อรัฐบาลจีนพาดหัวข้อข่าววิจารณ์สื่อตะวันตกว่า “ปากเสีย” และสนับสนุนความแตกแยก
บทวิจารณ์ที่ใช้คำพูดที่รุนแรงของสำนักข่าว CCTV มีออกมาในวันพฤหัสบดี (20 เม.ย.) โดยเนื้อข่าวระบุว่าข้อความระหว่างบรรทัดจากสื่อตะวันตกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นการมองว่าการพัฒนาของจีนอยู่ใน “ปัญหาใหญ่” และเมื่อเกิดส่วนต่างประชากรของประเทศที่หายไป การปันส่วนของจีนจะลดลง และเศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบเช่นกัน
“พวกเขาใส่ร้ายมาโดยตลอด และจีนก็พัฒนาไปตลอดทาง สร้างปาฏิหาริย์แห่งการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และมั่นคงด้วยจำนวนประชากรมหาศาล” สำนักข่าว CCTV ของรัฐบาลกล่าวโจมตีสื่อของชาติตะวันตก
จากข้อมูลที่ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (19 เม.ย.) โดยองค์การสหประชาชาติ อินเดียกำลังแซงหน้าจีนในฐานะประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก และจะมีประชากรเกือบ 3 ล้านคนมากกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนภายในช่วงกลางปีนี้
“สหรัฐฯ กำลังเพิ่มความพยายามเพื่อยับยั้งการพัฒนาของจีน และส่งเสริมการแบ่งแยกขั้ว และพบจุดการโหมกระแสใหม่จากรายงานของสหประชาชาติ” CCTV ระบุ พร้อมกล่าวเสริมว่า ประเทศตะวันตกเอาแต่เทียบเคียงขนาดของประชากรกับความสำเร็จในการพัฒนาในประเทศ
“การโหมกระแสดังกล่าวขาดความเข้าใจพื้นฐาน เกี่ยวกับกฎหมายการพัฒนาประชากร ด้วยการพัฒนาของสังคมมนุษย์ในทุกวันนี้ อัตราการเกิดที่ลดลงและความเต็มใจที่จะมีลูกลดลง เป็นปัญหาทั่วไปที่คนทั้งโลกต้องเผชิญ” สำนักข่าวของรัฐบาลจีนกล่าวเสริม พร้อมระบุว่าประเทศที่พัฒนาแล้วในตะวันตก มักประสบปัญหาต่างๆ อาทิ การขาดแคลนแรงงาน
เมื่อปีที่แล้ว จำนวนประชากรของจีนลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์ ที่เคยถูกคาดการณ์ว่าจะส่งผลให้จำนวนพลเมืองจีน มีขนาดที่ลดลงมาเป็นระยะเวลานาน โดยการลดลงของจำนวนประชากรจีน อาจส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อเศรษฐกิจของประเทศและโลก
หวังเหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า การลดลงของจำนวนประชากร ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคุณภาพด้วย โดยหวังกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธว่า “ประชากรมีความสำคัญ แต่ความสามารถก็สำคัญเช่นกัน… จีนมีการดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อตอบสนองต่อประชากรสูงวัย”
ที่มา: