ยังไม่เข้าโค้งสุดท้าย แต่ขณะนี้เกือบทุกพรรคการเมือง ต่างเอานโยบายพลังงานมาขยี้กันสุดฤทธิ์ โดยเฉพาะช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้ ทุกครัวเรือนต้องเผชิญกับราคาค่าไฟฟ้ามหาโหด ซึ่งวันที่ 1 พ.ค.จะเป็นวันเผาจริง หลังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ส่งบิลมาเรียกเก็บค่าไฟถึงหน้าบ้าน
เหตุจากการขึ้นค่าเอฟที (FT) อย่างต่อเนื่อง จากการสำรองไฟฟ้าจนล้นประเทศ และยังมีการจัดซื้อไฟฟ้าเพิ่มจากเอกชนอีกเกือบ 5,000 เมกะวัตต์ ขณะที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศขึ้นค่าเอฟทีในรอบใหม่ เดือน พ.ค.-ส.ค.2566 ในราคา 4.77 บาทต่อหน่วยทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 98.27 สตางค์ต่อหน่วย
แม้นโยบายพลังงานจะเป็นปัญหาหลักของประเทศ แต่ทุกรัฐบาลที่ผ่านมายังไม่เคยมีการกำหนดและการจัดการพลังงานอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นพลังงานทางเลือก อย่างแสงอาทิตย์ ลม ถ่านหิน พืช จึงทำให้การผูกขาดและชาวบ้านหมดทางเลือก ต้องยอมควักกระเป๋าจ่ายต่อไป
ระหว่างนี้หลายพรรคการเมือง จึงตั้งเป้าตุนคะแนนนิยม โดยเสนอทางเลือกในการแก้ปัญหาราคาค่าไฟฟ้าเฉพาะหน้า มีหลายแนวคิดที่น่าสนใจ ส่วนเมื่อเลือกไปเข้าแล้วนโยบายนี้จะหายไปกับสายลมหรือไม่ ต้องคอยติดตาม
พรรคพลังประชารัฐ ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ มีนโยบายลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนเหลือหน่วยละ 2.50 บาท และภาคอุตสาหกรรมเหลือหน่วยละ 2.70 บาท และเสนอโครงการโซลาร์ประชารัฐ
ส่วนพรรคสีส้ม “ก้าวไกล” นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ บอกต้องลดค่าไฟฟ้าเหลือหน่วยละ 70 สตางค์ หรือเฉลี่ยบ้านละ 150 บาท ให้มีการซื้อขายไฟฟ้ากับสัมปทานทุนใหญ่พลังงานใหม่ เปิดตลาดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ขายให้ธุรกิจเอกชนและกิจกรรมทางสังคม
เช่นเดียวกับพรรคไทยสร้างไทย ของคุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ไม่ยอมตกขบวน บอกว่าทันทีที่ได้เป็นรัฐบาลจะลดค่าไฟเหลือหน่วยละ 3.50 บาท ภายใน 1 ปี
ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ ภายใต้การนำของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้โอกาสเฉพาะกลุ่มเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย ในราคาหน่วยละ 3.90 บาท และส่งเสริมการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปแบบเสรี
ขณะที่นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เสนอว่า ต้องมีมาตรการระยะสั้นในการแก้ปัญหาค่าไฟฟ้าแพง โดยส่งเสริมให้ติดโซล่าร์รูฟท็อปและลดขั้นตอนการซื้อขายไฟระหว่างภาครัฐ
ด้านพรรคเล็กของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี มาแนวส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกจากพืชพลังงาน คือ หญ้าเนเปียร์ โดยจะทำให้ค่าไฟฟ้าเหลือหน่วยละ 2.50 บาท
แต่พรรคใหญ่ เพื่อไทย ของแพทองธาร ชินวัตร ระบุพร้อมลดค่าใช้จ่ายพลังงานด้วยการปรับลดราคาน้ำมันและไฟฟ้าทันที และสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานแบบเดิม
มาที่นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เสนอให้รื้อระบบโครงสร้างการผลิตไฟฟ้า และโครงข่ายหรือสายส่งที่อยู่ใน กฟผ. โดยให้แยกเป็นรัฐวิสาหกิจออกมาต่างหาก ติดแผงโซลาร์เซลล์ สำรองพลังงานเก็บไว้ และซื้อไฟฟ้าจาก กฟผ.ในตอนกลางคืนสำหรับบ้านที่เป็นครัวเรือน พร้อมอุดหนุนเงินทุนจำนวน 200,000 บาท ให้ติดโซลาร์เซลล์
ปิดท้ายที่พรรคเลือดสีฟ้า “ประชาธิปัตย์” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เสนอให้มีการทบทวนค่าผันแปรกระแสไฟฟ้า หรือค่า FT และสนับสนุนพลังงานสะอาด
ยังไม่เข้าโค้งสุดท้าย แต่ทุกพรรคพร้อมขยี้กันดือด งัดเอาสารพัดกลยุทธ์มาแข่งขัน แบบไม่ยอมตกกระแสแม้แต่พรรคเดียว ติดตามหลังจากจบเรื่องค่าไฟฟ้าแล้วเทรนด์ใดจะถูกนำขึ้นมาโชว์ในการแก้ปัญหาอีก