โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศอย่างเป็นทางการในวันนี้ (25 เม.ย.) ว่า เขาจะลงสมัครรับเลือกตั้งใหม่ในปี 2024 โดยไบเดนขอให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง มอบเวลาแก่เขาให้มากขึ้นในการ “ทำงานให้เสร็จ” ซึ่งตัวเขาเองได้เริ่มต้นมาตั้งแต่สาบานตนเข้ารับตำแหน่ง และขอให้ประชาชนเลิกกังวลในการประกาศท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งของเขา ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อายุมากที่สุดไปอีก 4 ปีข้างหน้า
ไบเดนซึ่งจะมีอายุ 86 ปีเมื่อสิ้นสุดวาระที่สอง กำลังวางเดิมพันด้วยความสำเร็จในวาระแรกของเขา และประสบการณ์มากกว่า 50 ปีในการทำงานทางการเมือง ในขณะที่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับอายุของเขา ทั้งนี้ ไบเดนเผชิญกับเส้นทางที่ราบรื่น ในการได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยไม่มีคู่แข่งจากพรรคเดโมแครต แต่ไบเดนจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้อย่างหนัก เพื่อรักษาตำแหน่งประธานาธิบดี ท่ามกลางบรรยากาศความแตกแยกทางการเมืองอย่างร้าวลึกในสหรัฐฯ
จากการประกาศผ่านวิดีโอความยาว 3 นาที ซึ่งมีขึ้นในวันครบรอบ 4 ปีที่ไบเดนประกาศท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในทำเนียบขาวเมื่อปี 2562 โดยเขาสัญญาว่าจะรักษา “จิตวิญญาณของชาติ” ท่ามกลางความปั่นป่วนของ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คู่แข่งคนสำคัญของไบเดน “ผมบอกว่าเราอยู่ในการต่อสู้เพื่อจิตวิญญาณของอเมริกา และเรายังคงเป็นอยู่” ไบเดนกล่าว “คำถามที่เรากำลังเผชิญคือ ในปีต่อๆ ไป เรามีอิสระมากขึ้นหรือน้อยลง สิทธิมากขึ้นหรือน้อยลง”
การประกาศท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในอีกวาระของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน มักเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น แต่กลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งจากพรรคเดโมแครตจำนวนมากระบุว่า พวกเขาไม่ต้องการให้ไบเดนลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง โดยส่วนหนึ่งเป็นสาเหตุมาจากอายุของไบเดน โดยไบเดนระบุว่าความกังวลดังกล่าวของประชาชนต่อเขานั้น “ถูกต้องโดยสิ้นเชิง” ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยที่อาจทำให้ฐานเสียงพรรคเดโมแครตยังคงเลือกไบเดนอย่างเหนียวแน่น หากทรัมป์ได้กลายมาเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสมัยหน้า แต่ตอนนี้ ทรัมป์ยังคงเผชิญกับข้อหาทางอาญา ซึ่งอาจกระทบต่อการหาทางกลับเข้าทำเนียบขาวของเขาอีกครั้ง
“เสรีภาพ เสรีภาพส่วนบุคคลเป็นพื้นฐานของสิ่งที่ทำให้เราเป็นชาวอเมริกัน ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า ไม่มีอะไรศักดิ์สิทธิ์ไปกว่านี้อีกแล้ว” ไบเดนกล่าวในวิดีโอเปิดตัวซึ่งวาดภาพพรรครีพับลิกันว่าเป็นพวกหัวรุนแรงที่พยายามยกเลิกการเข้าถึงการทำแท้ง ตัดสิทธิ์ประกันสังคม จำกัดสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียง และห้ามหนังสือที่พวกเขาไม่เห็นด้วย “ทั่วประเทศ กลุ่มหัวรุนแรงของ MAGA (สโลแกน “ทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง” ของทรัมป์) กำลังเข้าแถวเพื่อแย่งชิงเสรีภาพที่แท้จริงเหล่านั้นออกไป”
“นี่ไม่ใช่เวลาที่จะนิ่งนอนใจ” ไบเดนกล่าวเสริม “นั่นคือเหตุผลที่ผมลงสมัครรับเลือกตั้งใหม่”
เมื่อโครงร่างของการหาเสียงเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ไบเดนวางแผนที่จะหาเสียงด้วยสิ่งที่ตัวเองเคยทำมา โดยเขาใช้เวลา 2 ปีแรกในฐานะประธานาธิบดี ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และผลักดันร่างกฎหมายสำคัญๆ เช่น กฎหมายโครงสร้างพื้นฐานของพรรคสองฝ่าย และกฎหมายเพื่อส่งเสริมการผลิตที่มีเทคโนโลยีสูง และมาตรการด้านสภาพอากาศ
อย่างไรก็ดี เมื่อการเลือกตั้งกลางเทอมที่ทำให้พรรครีพับลิกันควบคุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้แล้วนั้น ไบเดนได้เปลี่ยนการให้ความสำคัญไปที่การนำกฎหมายขนาดใหญ่เหล่านั้นไปใช้ และทำให้แน่ใจว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้เครดิตต่อตัวเองสำหรับการปรับปรุงกฎหมายใหม่ ในขณะเดียวกัน ไบเดนได้เผชิญหน้ากับพรรครีพับลิกัน จากการวางแผนเพิ่มวงเงินกู้ยืมของประเทศ ที่อาจส่งผลในการบั่นทอนเศรษฐกิจของประเทศ
แต่ไบเดนยังมีเป้าหมายเชิงนโยบายหลายข้อและคำสัญญาที่ไม่เป็นไปตามคำสัญญาจากการหาเสียงครั้งแรกของเขา ซึ่งเขากำลังเสนอให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้โอกาสเขาอีกครั้งในการทำคำสัญญาให้สำเร็จ “มาจบงานนี้กันเถอะ ผมรู้ว่าเราทำได้” ไบเดนกล่าวในวิดีโอ โดยพูดซ้ำคำที่เขาพูดหลายสิบครั้งระหว่างการแถลงนโยบายในรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อเดือน ก.พ. โดยไบเดนสัญญาว่าเขาจะเดินหน้าตั้งแต่การห้ามใช้อาวุธโจมตีและการลดต้นทุนของยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ ไปจนถึงการแก้ไขสิทธิในการทำแท้งในระดับชาติ หลังจากคำตัดสินของศาลสูงสุดสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้วคว่ำคำตัดสินเดิมในกรณี Roe v. Wade
ไบเดนยังเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับการถอนทัพสหรัฐฯ ออกจากอัฟกานิสถานในปี 2564 ที่วุ่นวายของรัฐบาล หลังจากสงครามเกือบ 20 ปี ซึ่งตัดทอนภาพลักษณ์ของความสามารถที่สหรัฐฯ มุ่งแสดงต่อโลก ไบเดนยังตกเป็นเป้าการโจมตีของพรรครีพับลิกัน เกี่ยวกับนโยบายการย้ายถิ่นฐานและเศรษฐกิจของเขา ทั้งนี้ ในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งในปี 2020 ไบเดนได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความคุ้นเคยกับอำนาจในวอชิงตัน และความสัมพันธ์ของเขากับผู้นำทั่วโลก ในขณะที่เขาสัญญาว่าเขาจะคืนความรู้สึกปกติให้กับประเทศ ท่ามกลางความโกลาหลของประธานาธิบดีทรัมป์และการระบาดใหญ่ของโควิด-19
แต่ก่อนหน้านั้น ไบเดนตระหนักดีถึงความกังวลของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกี่ยวกับอายุของเขา “ดูสิ ผมมองว่าตัวเองเป็นสะพาน ไม่ใช่อย่างอื่น” ไบเดนกล่าวในเดือน มี.ค. 2563 ขณะที่เขาหาเสียงในมลรัฐมิชิแกน พร้อมกันกับสมาชิกพรรคเดโมแครตรุ่นใหม่ที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา “มีผู้นำทั้งรุ่นที่คุณเห็นยืนอยู่ข้างหลังผม พวกเขาคืออนาคตของประเทศนี้” โดย 3 ปีต่อมา ไบเดนซึ่งปัจจุบันอายุ 80 ปีกล่าวว่า เวลาที่เขาดำรงตำแหน่งได้แสดงให้เห็นว่า เขามองว่าตัวเองเป็นผู้เปลี่ยนแปลงมากกว่าผู้นำเปลี่ยนผ่าน
ถึงกระนั้น พรรคเดโมแครตหลายคนต้องการให้ไบเดนไม่ลงสมัครอีก โดยผลสำรวจล่าสุดจาก The Associated Press-NORC Center for Public Affairs Research แสดงให้เห็นว่า มีเพียง 47% ของสมาชิกพรรคเดโมแครตที่บอกว่า พวกเขาต้องการให้ไบเดนดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง เพิ่มขึ้นจาก 37% ในเดือน ก.พ. และอาการติดๆ ขัดๆ ทางคำพูดและท่าทางในบางครั้งของไบเดน กลายเป็นเป้าโจมตีในหมู่พรรครีพับลิกัน ซึ่งพยายามมองว่าไบเดนไม่เหมาะกับตำแหน่ง ทั้งนี้ ระหว่างการตรวจร่างกายประจำในเดือน ก.พ. แพทย์ประจำตัวของไบเดนประกาศว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ “แข็งแรง เฉียบแหลม” และ “ฟิต” เพื่อรับมือกับความรับผิดชอบในทำเนียบขาว
ที่มา: