วันนี้ (26 เม.ย.66) สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในคดีที่ ส.ส.จำนวน 99 คน ซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด เท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร เข้าชื่อเสนอความเห็นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 พ.ศ 2566 ตราขึ้น
เพื่อขยายกำหนดเวลาการมีผลใช้บังคับของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 มาตรา 22 มาตรา 23 มาตรา 24 และมาตรา 25 จากเดิมที่ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 120 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา แก้ไขเป็นให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้
โดยอ้างเหตุผลความไม่พร้อมด้านงบประมาณ การจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ และขั้นตอนการปฏิบัติงานในการบังคับใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญมาตรา 172 วรรคหนึ่ง จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 183 วรรคหนึ่งนั้น
ศาลฯ เห็นว่าคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมาย มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้จึงยุติการไต่สวนตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง
โดยกำหนดนัดแถลงด้วยวาจาปรึกษาหารือและลงมติวันที่ 18 พ.ค.นี้ เวลา 09.30 น. ทั้งนี้มาตรา 173 วรรคสอง ให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยภายใน 60 วัน นับแต่วันได้รับเรื่อง ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 22 พ.ค.นี้
สำหรับคดีดังกล่าว เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ รับคำร้องวินิจฉัย พ.ร.ก.เลื่อนบังคับใช้ พ.ร.บ.อุ้มหาย พร้อมสั่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) และผบ.ตร.ส่งความเห็นเอกสารหลักฐานภายใน 15 วัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สภาฯ ผ่านกฎหมายซ้อมทรมาน-อุ้มหาย
มติเอกฉันท์! ศาลรธน.รับวินิจฉัยเลื่อนใช้พ.ร.บ.อุ้มหาย-แจงภายใน 15 วัน
100 ส.ส.ยื่นศาล รธน.ตีความเลื่อนบังคับใช้พ.ร.ก.อุ้มหาย