วันที่ (1 พ.ค.2566) นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส. นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และในฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการศึกษาเสนอแนะและกลไกในการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาปฏิรูปประเทศ (สปท.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาในส่วนคดีแพ่ง หมายเลขคดีดำที่ พ 545/2560 คดีหมายเลขแดงที่ พ 428/2562 โดยสั่งให้ยกฟ้องคดีที่กลุ่มบริษัท King Power เป็นโจทก์ฟ้องตนในข้อหาละเมิด พร้อมทั้งเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 720 ล้านบาท รวมถึงขอให้ลงโฆษณาขอโทษทางสื่อสารมวลชนด้วยนั้น
ทั้งนี้ ศาลให้เหตุผลว่า คดีนี้เป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ซึ่งในส่วนของคดีอาญา ศาลฎีกาได้มีคำตัดสินโดยพิพากษาแล้วว่า ตนไม่ได้กระทำความผิดตามคำฟ้อง และไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ในการให้สัมภาษณ์สื่อใน 5 กรณี คือ
1) การทำสัญญาร้านจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) ที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินภูมิภาค ระหว่าง บ.คิงเพาเวอร์ และ บ.ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท โดยหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ปี 2535
2) กลุ่ม บ.คิง เพาเวอร์ ไม่ได้ติดตั้งระบบรับรู้การขายสินค้าทันที (POS) ทำให้ ทอท.ไม่สามารถควบคุมการทำธุรกรรมซื้อขายสินค้าปลอดภาษีอากรได้ตามข้อเท็จจริงและถูกต้อง
3) การจ่ายค่าตอบแทนของ บ.คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จ่ายค่าตอบแทนให้ ทอท.ไม่เป็นไปตามสัญญา
4) การขายสินค้าปลอดภาษีอากรที่ซอยรางน้ำ แล้วไปรับสินค้าที่สนามบิน โดยไม่จ่ายส่วนแบ่ง 15% ตามสัญญา เป็นการผูกขาดและไม่มีใครแข่งขันได้
5) กรณีมีการเชิญตัวแทนจาก บ.คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่ลแนล กรุ๊ป จำกัด เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการบริหารและพัฒนากิจการภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มาร่วมประชุมกันเป็นการภายใน เพื่อร่วมเสนอแนวคิดในการออกแบบพื้นที่เชิงพาณิชย์ ทำให้ บ.คิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้รับข้อมูลมากกว่าผู้ประมูลรายอื่น จนชนะการประมูลในที่สุด
ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงในส่วนแพ่ง จึงต้องรับฟัง ตามคดีอาญาว่า ไม่เป็นละเมิด ศาลท่านจึงพิพากษาให้ยกฟ้อง โดยกำหนดให้กลุ่มคิงเพาเวอร์ ต้องชดใช้ค่าขึ้นศาลแทนผม ทั้ง 3 ศาล คือศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา พร้อมทั้งกำหนดให้ชดใช้ค่าทนายความแก่ผมเป็นจำนวน 5 แสนบาทด้วย
ทั้งหมดเป็นการต่อสู้ 2 ฎีกาในคดีอาญา และ 1 ฎีกาในคดีแพ่ง รวม 10 สำนวนคดี ที่ใช้เวลาในการต่อสู้คดีพิสูจน์ข้อเท็จจริงมาตลอด 6 ปี รวม 3 ศาล โดยผมได้ส่งสำเนาฎีกาอาญาให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ รมว.คลัง รมว.คมนาคม และคณะกรรมการ ทอท.ให้แก้ไขปัญหา ที่ศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยถึงการที่ไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย และสัญญาจนทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐที่ต้องสูญเสียเงินรายได้แผ่นดินที่ควรเข้ารัฐหลายหมื่นล้านบาทตลอดหลายปีที่ผ่านมาแต่ก็ยังไม่มีใครหรือหน่วยงานราชการใดเข้าจัดการแก้ไขปัญหานี้
ผมจะดำเนินคดีอาญาและแพ่งกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อให้ศาลลงโทษคนทำผิด และเพื่อนำเงินรายได้แผ่นดินกลับคืนเข้ารัฐ ทั้งหมดไม่ใช่เป็นเรื่องส่วนตัวของผมและทีมทนายความที่ร่วมต่อสู้ในเรื่องนี้ แต่เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและส่วนรวมสาธารณะของชาติทั้งสิ้น