สวนหมัดไม่ยั้ง เมื่อ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กโต้ “เสี่ยนิด” นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งไปปราศรัยหาเสียงที่ จ.นครพนม เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2566
มีช่วงหนึ่งที่ “เสี่ยนิด” พาดพิง “เสี่ยหนู” ระบุว่า ตลอด 8 ปี รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สามารถอยู่ได้โดยลำพังต้องอาศัยพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทย ไม่เห็นหัวพี่น้องประชาชน นำกัญชาเสรีมามอมเมาพี่น้อง
“พอวันนี้มาเลือกตั้งก็มาบอกพี่น้องประชาชนว่า ส.ส.เขต ให้เลือกภูมิใจไทย ส.ส.พรรคให้เลือกเพื่อไทย พี่น้องต้องอย่าเชื่อ เพราะไม่อย่างนั้น พล.อ. ประยุทธ์ จะกลับมาอีกครั้งแน่นอน เพราะเขามีเสียง ส.ว. 250 คนในมือ”
ด้วยเหตุนี้ ข้อความสวนไม่ยั้งจาก “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ถึง “เสี่ยนิด” นายเศรษฐา แบบจุกๆ และเจ็บๆ จึงมีหลายวรรคตอน อาทิ
“ในฐานะน้อง แต่เป็นนักการเมืองรุ่นพี่ ขอแนะนำให้ทุกคนทำงานการเมืองแบบสร้างสรรค์ ไม่ด่าคนไปทั่ว ไม่พูดเท็จ ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ต้องศึกษาให้ดีก่อนจะพูด”
หรือ “พรรคภูมิใจไทย เสนอชื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ติดป้ายไปทั่วประเทศ ไม่เคยพูดว่า เลือกภูมิใจไทย ได้ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี การที่พี่นิดปราศรัยบนเวทีว่าเลือกภูมิใจไทย ได้ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการให้ข้อมูลเท็จกับประชาชน ผิดกฎหมายเลือกตั้ง”
ก่อนจะทิ้งหมัดฮุกเสยเข้าปลายคาง “เสี่ยนิด” อีกดอกว่า เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไม่กี่วัน ทำพรรคเพื่อไทยมีทางเดินแคบลงทุกวัน สร้างเงื่อนไข ไม่จับมือพรรคนั้น พรรคนี้ ดูถูก ดูแคลนนักการเมืองทั่วไป ไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ ทั้งๆ เป็นคนหน้าใหม่ที่สุดในเวทีการเมือง และเป็นคนไม่มีประสบการณ์ในการเมือง
ยังไม่พอ “เสี่ยหนู” อนุทิน ยังสับศอกลงใบหน้านายเศรษฐาจนแตก ชนิดหมอไม่รับเย็บด้วยวลีที่ว่า ในฐานะรุ่นพี่ทางการเมือง ขอบอกว่า นักธุรกิจบางคนไม่ประสบความสำเร็จทางการเมือง เพราะเอาวิธีคิดแบบธุรกิจ มาใช้ในการทำงานการเมือง แต่การเมืองไม่ใช่ธุรกิจ
แม้การเมืองจะยังไม่เข้าโค้งสุดท้าย แต่แกนนำของแต่ละพรรคใส่กันไม่ยั้ง ทุกสนามเวทีปราศรัย หากดูจากอากัปกิริยา ไม่มีอะไรมากกว่า ความระแวง ความกลัวการพ่ายแพ้ ซึ่งต้องยอมรับว่า ขณะนี้กระแสของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แห่งพรรคก้าวไกล กำลังมาแรงหายใจรดต้นคอพรรคเพื่อไทยทุกขณะ
เนื่องจาก “อุ๊งอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อยู่ระหว่างลาคลอด จึงทำให้ความนิยมหล่นจากผลโพลไปชนิดที่เรียกว่า “น่าใจหาย” แม้ “เสี่ยนิด” นายเศรษฐา บอกว่า ช่วงโค้งสุดท้าย น.ส.แพทองธาร จะกลับมาลงพื้นที่เพื่อปราศรัยใหญ่อีกครั้งก็ตาม
การชักธงรบไร้รูปแบบของ “เสี่ยนิด” นายเศรษฐา ไม่เพียงสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เหตุเพราะให้ข้อมูลเท็จชาวบ้านที่มาฟังปราศรัยเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะเทือนทางการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหตุผล คือ
หากพรรคเพื่อไทยได้เสียงข้างมากเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และก่อนหน้านี้ “อุ๊งอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ประธานครอบครัวเพื่อไทย ประกาศจุดยืนชัดว่า “ไม่เอา 2 ลุง” พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ “ลุงป้อม” และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ลุงตู่” แล้ว
ในความเป็นจริง พรรคที่มีคะแนนรองลงมาจากเพื่อไทย คงหนีไม่พ้น ก้าวไกล, ภูมิใจไทย, รวมไทยสร้างชาติ, ประชาธิปัตย์, พลังประชารัฐ, ประชาชาติ และไทยสร้างไทย
หากประกาศ “ไม่เอา” พรรคภูมิใจไทยอีก ทำให้ทางเลือกของเพื่อไทยเหลือน้อยลง เพราะพรรคไทยสร้างไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็ใช่ว่าอยากให้เข้าร่วม หรือร่วมกับพรรคก้าวไกล ยังมีประเด็นชวนหวาดเสียวพาคะแนนดิ่งลงได้
ดังนั้นการสอนมวยให้ “นักการเมืองหน้าใหม่” อย่าง “เสี่ยนิด” นายเศรษฐา เพื่อมิให้หลุดโค้งไปมากกว่านี้ของ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ก็น่าจะทำนายอนาคตได้ว่า การพูดล่วงหน้าโดยไม่ตริตรองจะทำให้เกิดสิ่งใดตามมา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เลือกตั้ง2566 : “อนุทิน” เหน็บ “เศรษฐา” ไร้ประสบการณ์เวทีการเมือง
เลือกตั้ง2566 : “นพดล” ป้อง “เศรษฐา” ชี้ปราศรัยไม่ผิด กม. – วิเคราะห์การเมืองเท่านั้น