กกต. ต้องการให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริต จึงมีเครื่องมือในการลงโทษผู้กระทำความผิดมี 4 ใบ คือ แดง ส้ม เหลือง ดำ ซึ่งความหมายของแต่สี มีดังนี้
ใบเหลือง
คือ อำนาจการสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยไม่พบชัดเจนว่ามีผู้ใดกระทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม โดยแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ
ช่วงแรก ก่อนหรือในวันเลือกตั้ง เมื่อ กกต. สืบสวนหรือไต่สวนแล้วหรือพบเห็นการกระทำที่มีเหตุอันควรสงสัย หรือ กกต. แต่ละคนพบเห็นการกระทำหรือการงดเว้นการกระทำอันอาจเป็นเหตุให้การเลือกตั้ง มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมหรือเป็นไปมิชอบด้วยกฎหมาย กกต. หรือกรรมการมีอำนาจสั่งระงับ ยับยั้ง แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกการเลือกตั้งและสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้
ช่วงที่สอง เมื่อประกาศผลการเลือกตั้ง แล้วปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งใดมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม แต่ไม่ได้ความชัดว่าเป็นการกระทำของผู้ได้รับเลือกตั้งให้ กกต. ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อพิจารณา ในกรณีที่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งนั้นมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมให้ศาลสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่สำหรับเขตเลือกตั้งนั้น
ใบส้ม
เป็นการให้อำนาจ กกต. ดึงผู้สมัครที่ไม่มีคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามออกจากการเลือกตั้งชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่ให้เข้ามายุ่งเหยิงกับการเลือกตั้งครั้งนั้น หรือการเลือกตั้งใหม่ที่จะจัดขึ้น โดยแบ่งเป็น 2 ช่วงคือ
ช่วงแรก ก่อนวันเลือกตั้ง หาก กกต. ตรวจสอบแล้วเห็นว่าผู้สมัครผู้ใดทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาให้ถอนชื่อผู้นั้นออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัคร
ช่วงที่สอง ถ้า กกต. สืบสวนหรือไต่สวนแล้วเห็นว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครกระทำการหรือก่อให้บุคคลอื่นกระทำ สนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลอื่นกระทำการดังกล่าวหรือรู้ว่ามีการกระทำแล้วแต่ไม่ดำเนินการระงับการกระทำนั้นให้ กกต. สั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครนั้นเป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี และในกรณีที่ผู้สมัครนั้นได้คะแนนอยู่ในลำดับที่จะได้รับเลือกตั้ง ให้ กกต. สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่
ใบแดง
หลังจากประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ถ้ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ามีผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง หรือรู้เห็นกับการกระทำของบุคคลอื่น ให้ กกต. ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น
หากกรณีที่ศาลฎีกาพิพากษาว่าบุคคลกระทำความผิดตามที่ถูกร้อง ศาลฎีกาจะสั่งเพิกถอนสิทธิสมัคร รับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นเป็นเวลา 10 ปี และหากการที่ต้องสั่งเช่นนั้นทำให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ศาลจะต้องสั่งให้ผู้นั้นต้องรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งครั้งที่เป็นเหตุให้มีคำสั่งเช่นว่านั้นด้วย
ใบดำ
หลังประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ถ้า กกต. มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือผู้ใดกระทำการทุจริตเลือกตั้งหรือรู้เห็นกับการกระทำของบุคคลอื่น ให้ กกต. ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นไม่มีกำหนด เสมือนกับ โทษประหารชีวิตทางการเมือง ถ้าผู้สมัครคนไหนได้ ใบดำ จะไม่มีสิทธิรับเลือกตั้งหรือสมัครรับเลือกเป็น ส.ส. ส.ว. สมาชิกท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ตลอดไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
เลือกตั้ง2566 : ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ใช้หลักฐานแสดงตนอะไรได้บ้าง?
เลือกตั้ง2566 : เช็ก! 28 จุด ใน 23 จังหวัด ที่เลือกตั้งพิเศษ สำหรับผู้พิการ-ผู้สูงอายุ
เลือกตั้ง 2566 : 7 ข้อห้าม เกี่ยวกับบัตรเลือกตั้ง ฝ่าฝืนโทษจำคุก-ปรับ-เพิกถอนสิทธิ