ยูเครนปฏิเสธอย่างหนักแน่นหลังถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังของการพยายามลอบสังหาร วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย สำนักข่าว CNN รายงานว่าเจ้าหน้าที่ทางการของยูเครนได้มีการติดต่อไปยังทำเนียบขาวของสหรัฐฯ เป็นการส่วนตัว เพื่อตอกย้ำถึง การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำที่เกิดขึ้น
ด้านวุฒิสมาชิก มาร์ก วาร์เนอร์ ของสหรัฐฯ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภาได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อพิสูจน์ใดที่บ่งชี้อย่างชัดเจนว่ายูเครนอยู่เบื้องหลังของความพยายามในการโจมตีทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียด้วยโดรน
ในวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา รัสเซียกล่าวหายูเครนว่าพยายามใช้โดรนโจมตีทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย โดยมีเป้าหมายเพื่อลอบสังหาร วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ทั้งนี้ สำนักประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวหาว่า มีโดรน 2 ลำถูกใช้ในการโจมตี แต่ถูกปิดกั้นได้ทันโดยหน่วยงานป้องกันของรัสเซีย
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกสำนักประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวว่า ปูตินไม่ได้อยู่ในทำเนียบประธานาธิบดี ในช่วงเวลาที่มีความพยายามในการโจมตี นอกจากนี้ เปสคอฟยังกล่าวเสริมว่าปูตินจะใช้เวลาทั้งวันที่บ้านพักของรัฐในโนโว-โอกอร์โยโว นอกกรุงมอสโก
วิดีโอที่ไม่ได้รับการยืนยันวิดีโอหนึ่ง ที่เผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นสิ่งที่ดูเหมือนเป็นควันที่พวยพุ่งออกมาจากทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียอย่างเครมลินในชั่วข้ามคืน ยังมีช่วงวินาทีที่ปรากฎไฟลุกไหม้บนอาคารชั้นดาดฟ้าหลังหนึ่งในทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียด้วย
ด้านสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเครนได้ออกคำเตือนอย่างเป็นทางการถึงภัยคุกคามที่กำลังเกิดขึ้นโดยมีการเตือนผ่านระบบด้านความปลอดภัยว่าให้พลเรือนอเมริกันทุกคนระวังการโจมตีด้วยขีปนาวุธ โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ประกาศเตือนว่าการโจมตีทั่วทั้งยูเครนกำลังเกิดขึ้นและมีความรุนแรง จึงขอประกาศไปยังพลเมืองอเมริกันทุกคนให้ระวังตัว
ด้านรัฐบาลสหรัฐฯ ได้มีการประกาศให้ความช่วยเหลือกับยูเครนเพิ่มรวมเป็นมูลค่ามากกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมระบุว่าความช่วยเหลือครั้งล่าสุดนี้จะทำให้ยูเครนสามารถป้องกันตนเองได้อย่างกล้าหาญท่ามกลางความโหดร้ายของสงครามที่ก่อขึ้นโดยรัสเซีย
อีกทั้งการส่งความช่วยเหลือในครั้งนี้ยังนับเป็นการส่งอาวุธและยุทโธปกรณ์ช่วยเหลือยูเครนเป็นครั้งที่ 37 จากสหรัฐฯ หลังการเกิดสงครามเมื่อมากกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา