‘เพื่อไทย’ จัดงานใหญ่กลางสยามพารากอน เพื่อเศรษฐกิจ เพื่อคุณภาพชีวิต เพื่อสิทธิเสรีภาพฯ” เศรษฐา-ผู้สมัคร ส.ส. นั่งขนส่งสาธารณะร่วมงาน ‘จิราพร’ ขอโอกาสเพื่อไทยมาทำลายอุปสรรคให้พ้นยุคมืดหลังปฏิวัติ 49-57 ‘ก้อง’ ชูคืนชีพเอสเอ็มอีที่ตายไป 95% ในช่วง 8 ปี
วันที่ 5 พ.ค. 2566 ที่ลานพาร์ค สยาม พารากอน พรรคเพื่อไทย จัดกิจกรรม “เพื่อเศรษฐกิจ เพื่อคุณภาพชีวิต เพื่อสิทธิเสรีภาพ เพื่อไทย” โดยมีแกนนำ สมาชิกและผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค เข้าร่วม โดยมีบรรดาแฟนคลับของพรรค โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน มาร่วมฟังและให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้การเดินทางมาร่วมงานของ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทยและ เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย เดินทางมาร่วมงานด้วยระบบขนส่งสาธารณะ อาทิ รถไฟฟ้า รถเมล์ เรือคลองแสนแสบ จักรยานยนต์รับจ้าง เพื่อลองใช้ระบบคมนาคมด้านต่างๆของ กทม. จากนั้นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นพูดประเด็นต่างๆ
โดยการจัดงานครั้งนี้ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ทั้ง 33 คน มาครบ และเดินทางด้วยคมนาคมที่หลากหลายทั้ง รถ ราง เรือ เช่น พลภูมิ วิภัตภูมิประเทศ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 15 เดินทางโดยเรือจากคลองแสนแสบ, วิชาญ มีนชัยนันท์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 19 เดินทางโดยเรือไฟฟ้า และ ต่อด้วยรถเมล์, วัน อยู่บำรุง ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 28 เดินทางโดยวินมอเตอร์ไซค์ และรถไฟฟ้า BTS
ดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ชาเลนจ์นี้จัดขึ้นเพื่อสื่อสารว่า กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย เป็นเมืองที่มีขนส่งสาธารณะครบทุกรูปแบบโดยเฉพาะรถไฟฟ้า แต่ค่าโดยสารโดยรวมนั้นมีราคาแพง ไม่สะดวกสบาย ใช้เวลานานและ ทั้งไม่สามารถกำหนดเวลาได้
วันนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ค่ารถไฟฟ้าแพงติดอันดับโลก คิดเป็น 5%-18% ของค่าแรงขั้นต่ำ ขณะที่ค่าโดยสารในกรุงเทพฯ แตะ 30% ของค่าแรงขั้นต่ำ ขณะที่เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไต้หวัน อยู่ที่ 2%-5% ของค่าแรงขั้นต่ำเท่านั้น หากประเทศอื่นทำได้แต่ไทยทำไม่ได้ เท่ากับว่ามันมีปัญหาในไทย
พรรคเพื่อไทยจึงมีนโยบาย ‘เพื่อคมนาคมไทย ทั้งประเทศ’ นั่นคือ รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย , ยกระดับคมนาคมในต่างจังหวัด , ยกระดับรถไฟโดยสารทั่วประเทศ, ยกระดับการขนส่งโลจิสติกส์สินค้า และ ยกระดับสนามบินสุวรรณภูมิให้ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก
โดยเฉพาะ ‘นโยบาย 20 บาทตลอดสายนั้น’ ดนุพร อธิบายว่า จะต้องเป็นราคา 20 บาทตลอดทั้งสาย ไม่ว่าจะเปลี่ยนสายรถไฟฟ้ากี่ครั้ง แต่ถ้าไม่ออกจากระบบ ก็จะอยู่ที่ราคา 20 บาทเท่านั้น นายดนุพรย้ำด้วยว่า หาก ‘30 บาท รักษาทุกโรคทำได้’ แล้ว ‘20 บาทตลอดสาย’ ก็ต้องทำได้เช่นกัน
สุดท้าย ชาเลนจ์เดินทางถึงที่หมาย 1 ชั่วโมง 29 นาที พรรคเพื่อไทยมีการจัดอันดับ ผู้ที่ใช้เวลาเดินทางนานที่สุด, ผู้ที่ใช้เวลาเดินทางน้อยที่สุด, ผู้ที่เสียค่าใช้จ่ายมากที่สุด และ ผู้ที่เสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด และผลการแข่งขัน ดังนี้
1.ผู้ที่ใช้เวลาเดินทางมากที่สุด
-ธีรรัตน์ สำเร็จวานิชย์ เขตลาดกระบัง เดินทางจากสำนักงานเขต โดยรถส่วนตัว > Airport Link ลาดกระบัง > BTS พญาไท ใช้เวลาทั้งหมด 90 นาที ใช้เงินทั้งหมด 65 บาท
-นพ.ญาณกิตติ์ ห่วงทรัพย์ เขตบางเขน, เขตสายไหม, เขตลาดพร้าว เดินทางสำนักงานเขต โดยรถสองแถว > รถเมล์ร้อน > เดิน 500 ม. > BTS วัดศรีมหาธาตุ ใช้เวลาทั้งหมด 84 นาที ใช้เงินทั้งหมด 67 บาท
-กฤชนนท์ อัยยปัญญา เขตบางแค, เขตหนองแขม เดินทางจากสำนักงานเขตโดยรถสองแถว > BTS หลักสอง ใช้เวลาทั้งหมด 78 นาที ใช้เงินทั้งหมด 93 บาท
2.ผู้ที่ใช้เวลาน้อยที่สุด
-กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ เขตบางรัก ใช้เวลา 15 นาที เดินทางจากสำนักงานเขตโดยตุ๊กตุ๊ก ใช้เงินทั้งหมด 150 บาท
-ภัทร ภมรมนตรี เขตดินแดง ใช้เวลา 15 นาที เดินทางจากสำนักงานเขต โดย BTS อารีย์ ใช้เงินทั้งหมด 35 บาท
-วัน อยู่บำรุง เขตหนองแขม ใช้เวลา 20 นาที เดินทางจากบ้าน > ติดรถ FC วัน อยู่บำรุง > BTS วุฒากาศ ใช้เงินทั้งหมด 62 บาท
3.ผู้ใช้เงินเยอะที่สุด
-ไพฑูรย์ อิสระเสรีพงษ์ เขตหนองจอก เดินทางจากสำนักงานเขต โดยแท็กซี่ > Airport Link ใช้เงินทั้งหมด 300 บาท ใช้เวลา 40 นาที
-กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ เขตบางรัก,เขตพระนคร, เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย,เขตดุสิต เดินทางจากสำนักงานเขตโดยตุ๊กตุ๊ก ใช้เงินทั้งหมด 150 บาท ใช้เวลา 15 นาที
-วิชาญ มีนชัยนันท์ เขตมีนบุรี, เขตสะพานสูง เดินทางจากสำนักงานเขตโดยแท็กซี่ > ท่าเรือศรีบุญเรือง – ประตูน้ำ > เดิน ใช้เงินทั้งหมด 145 บาท ใช้เวลา 40 นาที
ภายหลังจากชาเลนจ์ดังกล่าวเสร็จสิ้น ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้ร่วมแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายของพรรคเพื่อไทยภายใต้แคมเปญ ‘เลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ประเทศไทยเปลี่ยนทันที’ เพื่อย้ำถึงปรัชญาหลักของพรรคในการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส
จากนั้น จิราพร สินธุไพร ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 5 พรรคเพืื่อไทย เบอร์ 3 ขึ้นพูดประเด็นคุณภาพชีวิตคนต่างจังหวัด โดยมีเนื้อหาว่า ความฝันต่างๆของประชาชนถูกพรากไปหลังการรัฐประหารปี 49 และ 57 โดยยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นยุคมืด ดังนั้นถ้าปล่อยเป็นอย่างนี้ สถานการณ์คนจนก็จะยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ซึ่งหลักคิดของพรรคเพื่อไทยคือ ทำให้โอกาสทุกคนเท่ากันเพื่อปล่อยศักยภาพของตัวเอง ซึ่งพรรคเพื่อไทยขอเข้ามาอาสาเข้ามาทำลายอุปสรรคเหล่านั้น
เพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เขต3 เบอร์ 5 กล่าวว่าทุกคนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงที่ตนเองอยากเห็นคือการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ซึ่งจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาส่งผลกระทบอย่างอย่างน่าตกใจให้พี่น้องในภาคบริการ ดังนั้น วันนี้พรรคเพื่อไทยขออาสาเปิดประตู 3 บานใหม่เพื่อสร้างและรองรับเม็ดเงินรายได้จากการท่องเที่ยว ประตู 3 บานดังกล่าว ได้แก่
ประตูบาน 1 คือ Festival Hub of Asia เทศกาลไทยไปไกลถึงระดับโลก โดยจะส่งเสริมเทศกาลด้านวัฒนธรรม สร้างเทศกาลด้านผลไม้และเกษตรกรรม
ประตูบาน 2 คือ ต้องเป็น Wellness Destination ส่งเสริมการท่องเที่ยวด้านการแพทย์และสุขภาพ นักท่องเที่ยวมาไทยจะได้ทั้งท่องเที่ยวและดูแลสุขภาพได้ในเวลาเดียวกัน และ ประตูบาน 3 คือ Regional Transport Hub ศูนย์กลางการขนส่งในภูมิภาค เราจะเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชน ตั้งแต่ทางเครื่องบิน เชื่อมต่อรถไฟฟ้า รถไฟ ไปจนถึงระบบขนส่งสาธารณะในทุกจังหวัดท่องเที่ยวทั้งเมืองหลักและเมืองรอง และเมื่อประตู 3 บานนี้เปิดก็จะสร้างรายได้ขยายเศรษฐกิจให้พี่น้องอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจากพรรคเพื่อไทย
ขณะที่ อรรฆรัตน์ นิติพน ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 21 เบอร์13 กล่าวเรื่องเศรษฐกิจคนเมือง ว่า 8 ปีที่ผ่านมาเอสเอ็มอีตายไปกว่า 95% ซึ่งพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับเอสเอ็มอี จึงมีการออกนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลฯ ที่จะช่วยระบบเอสเอ็มอีและทุกอาชีพได้ง่าย จึงย้ำว่า วันนี้ถึงเวลาต้องเปลี่ยนมาเป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้แล้ว และเวลาที่ควรทำธุรกิจที่สุดคือ เวลาที่เพื่อไทยได้เข้าไปบริหาร โดยไม่มี ลุงตู่ ลุงป้อม
ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ลาดกระบัง เบอร์6 พูดถึงเรื่องคุณภาพชีวิตคนเมือง ว่า การเดินทางของคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่หมดไปกับค่าเดินทางที่มีราคาแพง รวมถึงเรื่องอากาศสะอาด เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ควรได้รับฝุ่นพิษ ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล เราจะควบคุมและปลูกจิตสำนึกกลุ่มผู้ประกอบการผ่านนโยบายต่างๆ รวมถึงการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน ไปพร้อมกับเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้
ส่วนเรื่องการวางระบบสุขภาพ เราทำมาตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย ดังนั้นเราจึงยกระดับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ให้เป็นเพื่อคนไทยทุกคนจริงๆ รวมถึงป้องกันโรคในกลุ่มสตรี ดังนั้นขอให้เลือกเพื่อไทยเป็นรัฐบาลครั้งนี้ โดยจะทำทุกนโยบายให้จริง
สกาวใจ พูนสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เขต 13 เบอร์4 กล่าวว่า วันนี้ชายไทยอายุ 20 ปี เจอ “ใบเดียวชีวิตเปลี่ยน” เพราะฤดูเกณฑ์ทหาร ต้องไปจับใบดำใบแดง ซึ่งเป็นการทำลายโอกาสทางชีวิต เศรษฐกิจ อาชีพ ของคนต้องถูกไปเกณฑ์ทหาร พรรคเพื่อไทยจึงเสนอให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เปลี่ยนเป็นรับสมัครแบบสมัครใจ เพื่อจะได้พัฒนาฝึกอาชีพ ฝึกฝนวิชาความรู้ให้มีคุณภาพ ไม่ถูกบังคับ และยกระดับคุณภาพชีวิตของทหารให้เป็นมืออาชีพมากขึ้น เมื่อทหาร เป็นทหารมืออาชีพแล้ว ก็จะไม่มาทำรัฐประหาร เพราะการรัฐประหารควรโดนข้อหากบฎและยึดทรัพย์ คดีไม่มีอายุความ รัฐประหารคืออาชญากรรม ผู้รัฐประหารคืออาชญกร พรรคเพื่อไทยประกาศไม่เอารัฐประหาร