ผู้นำพรรคก้าวไกล ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ประกาศชัดว่าขณะนี้มีเสียงจากพรรคฝ่ายค้านเดิมรวมแล้ว 310 เสียง ประกอบไปด้วย พรรคเพื่อไทย 141 เสียง , พรรคประชาชาติ 9 เสียง, พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง และพรรคใหม่อย่าง ไทยสร้างไทย 6 เสียง และ ‘เป็นธรรม’ 1 เสียง
แม้ว่าจะเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนฯ เพียงพอสำหรับจัดตั้งรัฐบาล แต่ยังไม่เพียงพอสำหรับการโหวตนายกฯ ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดชัดว่าต้องใช้ ‘376 เสียง’ จึงจำเป็นต้องฝ่าด่าน 250 ส.ว.รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลที่บางส่วนปฏิเสธชัดไม่โหวตให้ บางส่วนกั๊กๆ คลุมเครือ
การจัดตั้งรัฐบาลมีอีกหลายด่าน มาดูกันว่านับตั้งแต่วันหย่อนบัตรเลือกตั้ง 14 พ.ค. ไทม์ไลน์การตั้ง ‘รัฐบาลใหม่’ ที่จะเข้ามาบริหารประเทศต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้าง ใช้เวลาเท่าไร
ผลการเลือกตั้งตอนนี้เรียกว่า ‘ยังไม่เป็นทางการ’ กกต.ต้องตรวจสอบเบื้องต้นว่าทุกอย่างเป็นไปโดยสุจริตหรือไม่ แล้วจึงประกาศรับรองผลอย่างเป็นทางการ ให้ได้ไม่น้อยกว่า 95% ของ ส.ส.ทั้งหมด กฎหมายกำหนดไว้ว่า ทำเร็วก็ได้ แต่ช้าที่สุดให้เวลาไม่เกิน 60 วัน หลังการเลือกตั้ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 13 ก.ค. 66
จากนั้นตามรัฐธรรมนูญ 2560 ตรา 121 ระบุไว้ว่าภายใน 15 วัน นับตั้งแต่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. หรือถึงวันที่ 27 พ.ค. กำหนดให้มีการเรียกประชุมรัฐสภานัดแรก เพื่อเลือกประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ โดยให้ ส.ส.ที่มีอาวุโสมากที่สุดทำหน้าที่เป็นประธานชั่วคราว เพื่อเลือกประธานตามที่สมาชิกเสนอชื่อ หากมีหลายชื่อให้ลงคะแนนเป็นการลับ
เมื่อเลือกประธานสภาฯเสร็จสิ้นแล้ว คาดการณ์ว่าภายในเดือนสิงหาคม จะเข้าสู่กระบวนการโหวตนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ โดยจะต้องมีการเรียกประชุมรัฐสภาซึ่งประกอบไปด้วย ส.ส. 500 คน และ ส.ว. 250 คน ซึ่งส.ว.มีอำนาจโหวตนายกฯ ด้วยและต้องได้เสียงของสองสภาเกินกึ่งหนึ่ง นั่นคือ 376 เสียง
เมื่อเสียงข้างมากในสภาฯ โหวตนายกฯ แล้ว ประธานสภาฯ จะนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ นายกรัฐมนตรี ขั้นตอนต่อไปคือการแต่งตั้งรัฐมนตรี และนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ หลังได้รับการโปรดเกล้าฯ นายกฯ จะต้องนำรัฐมนตรีชุดใหม่ เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเข้ารับตำแหน่ง
ทั้งนี้ กระบวนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดกรอบเวลาไว้ชัดเจน ซึ่งในระหว่างที่ยังเลือกกันไม่ได้ ไม่ลงตัว ไม่ผ่าน ต้องโหวตกันใหม่หรือใดๆ ก็ตาม รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะทำหน้าที่รักษาการไปจนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งต้องจับตาดูว่าเส้นทางของการจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยจะราบรื่นหรือมีอุปสรรคเพียงไร