‘ธนกร’ มอง รทสช.ควรรีแบรนด์ หนุนคนรุ่นใหม่เป็นหัวหน้าฯพรรค – เชื่อดีลตั้ง ‘รัฐบาลก้าวไกล’ ไม่สะดุด เตือนไม่ควรไปกดดัน ส.ว.ปัดไม่ก้าวล่วงตอบแทน หลังสะพัด ‘ตู่-ป้อม’ เตรียมอำลาการเมือง
ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงทิศทางการทำงานของพรรคฯ ในอนาคต ว่า จากที่ตนได้พูดคุยกับ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค เราต้องถอดบทเรียนในการทำการเมือง ว่าวันนี้โลกมันเปลี่ยน แม้คะแนน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะสูงกว่า 5 ล้านเสียงและสูงกว่าหลายพรรค แต่ยุทธศาสตร์การเลือกตั้งจะต้องปรับเปลี่ยนบ้าง เนื่องจากเป็นโลกคนรุ่นใหม่ ฉะนั้นการหาเสียงจะต้องมีการปรับเปลี่ยนโดยใช้เรื่องดิจิทัล และใช้คนรุ่นใหม่ของพรรคให้มากขึ้น ซึ่งจะต้องปรับยุทธศาสตร์ของพรรคให้สมดุลกับคนทุกรุ่นให้ไปด้วยกันได้ พร้อมมั่นใจว่าพรรค รทสช.จะไปได้อยู่ในอนาคต แต่ต้องมีการรีแบรนด์พรรคและใช้ความสามารถของคนทุกรุ่นมาผสมผสานกัน
ส่วนมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ เอกนัฏ ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคแทน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นั้น ธนกรกล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องของอนาคต แต่จากที่ตนมอง เอกนัฏ เป็นคนที่มีรุ่นราวคราวเดียวกันกับตน ตนแค่เสนอความเห็นว่าพรรคต้องมีการปรับ แต่พอเทรนด์มันเกิดในสถานการณ์การเลือกตั้ง เราก็ต้องปรับตัวให้ทันการเป็นโลกยุคใหม่ให้ได้
ส่วนจะมีการพูดคุยกับว่าที่ ส.ส.ของพรรค เมื่อใดนั้น ธนกร กล่าวว่า เท่าที่ทราบวันจันทร์ที่ 22 พ.ค.นี้ เวลา 16.00 น.ก็จะมีการประชุม ส.ส.ทั้ง 36 คน ที่ทำการพรรค
ส่วนได้มีการหารือ สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แกนนำพรรคแล้วหรือไม่ ธนกรกล่าวว่า จากที่ได้พูดคุย สุชาติ ก็ผิดหวังบ้าง เพราะ สุชาติ ตั้งใจทำการเมืองมาก และอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี อีกครั้งหนึ่งเช่นเดียวกับตน เพราะเราทั้งสองคนมากับ พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึง ส.สในพื้นที่ภาคใต้ ของตนก็ไม่เข้าเป้า ได้มาเพียง 14 ที่นั่ง แต่ถึงอย่างไรก็พอใจ ไม่ได้มีอะไร และขณะนี้ก็พูดคุยกับนายสุชาติอยู่ตลอด
เมื่อถามว่า สาเหตุที่ทำให้จำนวน ส.สของพรรคไม่เข้าเป้า ส่วนหนึ่งมาจากการแยกพรรคของรวมไทยสร้างชาติกับพลังประชารัฐใช่หรือไม่ เนื่องจาก หากนำคะแนนในพื้นที่มาบวกรวมกันจะได้มากกว่าผู้ชนะในหลายพื้นที่ ธนกร กล่าวว่า เป็นเพียงส่วนหนึ่งแต่ยังคงมีอีกหลายองค์ประกอบ ขึ้นประเด็นนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง พร้อมย้ำว่า หลายสิ่งหลายอย่างต้องปรับปรุง และปรับตัว และวันนี้เอง เห็นพรรคว่าที่รัฐบาล ก็ประกาศตั้งรัฐบาลได้ ผมก็ยินดีด้วย จะได้เข้าไปบริหารตามนโยบายของท่าน แต่อย่างที่ตนเคยบอกฝากไปยังพรรคก้าวไกล พร้อมกับอยากให้ลูกพรรคก้าวไกลหลายคนหยุดพฤติกรรม ควรมีวุฒิภาวะให้มากกว่านี้ ไม่ควรไปกดดัน ส.ว. จากทาง Social Media หรือโพสต์ข้อความข่มขู่ ซึ่งควรหยุดพฤติกรรมแบบนี้ได้แล้ว เพราะท่านต้องไปขอเสียงจากเขา แต่วันนี้ก็ยังมีลักษณะแบบนี้อยู่ ดังนั้นจึงเชื่อว่าหากวันนี้ต้องการเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. ก็ควรไปเจรจากับเขาได้เห็นด้วยผล หรือไปพูดดีๆ เพราะผมคิดว่า ส.ว. ทุกคนเป็นบุคคลที่มีวุฒิภาวะ ท่านต้องมององค์ประกอบหลายอย่าง คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แตกหากยังใช้พฤติกรรมกดดัน ส.ว.เขาไม่ฟังใครอยู่แล้ว เขามีเอกสิทธิ์ของเขา พร้อมเปรียบว่าผมจะโหวตให้ท่านแล้วท่านด่าผมทุกวัน แล้วผมจะโหวตให้ทำไม พร้อมย้ำว่าต้องพูดคุยกันที่ดี และในส่วนของตนก็พร้อมจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาลอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ได้ติดตามข่าวการแถลงร่วม 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาลแล้วหรือไม่ ธนกร กล่าวว่า ตนไม่ได้ติดตามการแถลงข่าว แต่ทราบว่าสามารถจัดตั้งได้แล้ว ส่วนที่เขารวมสิ่งได้ 313 เสียงและมั่นใจว่าสามารถตั้งรัฐบาลได้นั้น ก็ท่านมั่นใจ แต่ผมบอกว่า ความมั่นใจของท่านก็ต้องไปบอกลูกทีม ว่าควรที่จะหยุดพฤติกรรมกดดันหรือใช้วาจาข่มขู่ ส.ว. เพราะทุกคนในประเทศก็หวังดีกันทั้งนั้น แต่ถ้ามีพฤติกรรมแบบนี้ ก็ไม่มีใครสนใจใคร พร้อมย้ำว่าตนไม่ได้มีปัญหาส่วนตัว แต่ในเรื่องของการแก้ไขมาตรา 112 นั้นตนไม่เห็นด้วย และจะไปยกมือให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ตนคงไม่ทำ เพราะการหาเสียงของตนและพรรคบรมไตรสร้างชาติ ยืนยันมาโดยตลอดว่าไม่มีการแก้ไขมาตรา 112
เมื่อถามถึงกระแสข่าวการเจรจาตั้งรัฐบาลวานนี้ ในเนื้อหาสัตยาบันไม่มีการระบุ การแก้ไขมาตรา 112 ฃ ธนกร กล่าวว่า ตนเห็นว่ามันยังไม่ได้ตกผลึก แต่บางพรรคการเมืองก็ไปไกลในเรื่องของนโยบายอยู่แล้ว ฉะนั้นอยากให้พรรคร่วมรัฐบาลเห็นแก่บ้านเมืองเยอะๆ ซึ่งตนจะเอาใจช่วย
เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้มีการปรารภถึงการจับขั้วรัฐบาลหรือไม่ ธนกร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่กล่าวว่า ขอให้พรรคอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาลไป ก็บอกว่าต้องไปตามรัฐธรรมนูญให้เขาตั้งไป พร้อมยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มีอะไรและอารมณ์ก็ยังดี ไม่ได้มีปัญหาอะไร เข้าใจสังคมการเมืองอยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาอะไร
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จะมีความหวังจะได้กลับมาอีกหรือไม่ ธนกร ปฏิเสธโดยระบุว่า เรื่องนี้ตนไม่สามารถตอบแทน พล.อ.ประยุทธ์ ได้
เมื่อถามว่าหากการจับขั้วรัฐบาลไม่สามารถทำได้จะมีโอกาสที่พรรครัฐบาลเดิมจะจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ธนกร กล่าวว่า แต่ว่าก็มั่นใจว่า พรรคที่ได้ลำดับ 1 เขาก็น่าจะจัดตั้งได้อยู่แล้ว
ส่วนหลังจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีการแถลงถึงทิศทางทางการเมืองหรือไม่ ธนกร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เปรย แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ให้กำลังใจผู้สมัคร ส.ส.พรรคทุกคน พร้อมย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ได้มีการพูดอะไร ถึงเรื่องการวางมือทางการเมือง ซึ่งตนไม่ขอเข้าร่วม ก็แล้วแต่ที่ว่าท่านจะทำอะไรต่อไปก็แล้ว แต่พวกเราพร้อมที่จะสนับสนุนเองก็จะยืนเคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์ อยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำถึงกระแสข่าว การวางมือทางการเมืองทั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ธนกร กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ และไม่กล้าไปก้าวล่วง