วันนี้ (19 พ.ค.2566) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เดินทางมายื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อให้ตรวจสอบคุณสมบัติ ของว่าที่นายกรัฐมนตรี นานพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล
ในประเด็นการถือหุ้นสื่อ (ITV) โดยเห็นว่า การยื่นร้องเรียนเพราะรัฐธรรมนูญ ม. 98 (3) เขียนชัดเจนว่าคุณสมบัติของ ผู้สมัคร ส.ส. จะเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการสื่อใด ๆ ไม่ได้ ซึ่งไม่เกี่ยวว่านายพิธา จะถืออยู่กี่หุ้นก็ตาม
รวมถึงเห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (6) ที่กำหนดลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3)
นายสนธิญา ระบุด้วยว่า โดยก่อนหน้านี้ นายพิธาได้ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.ด้วยแล้ว โดยเมื่อเดือน พ.ค.2566 ทาง ป.ป.ช. ได้แถลงชัดเจนว่า นายพิธาได้แจ้งการถือหุ้นไอทีวี 42,000 กว่าหุ้น ซึ่งประเด็นนี้ที่ผ่านมาทั้ง นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ และนายศรีสุวรรณ จรรยา เคยมาร้องแล้วเช่นกันเกี่ยวกับประเด็นการถือครองหุ้นสื่อ
คุณพิธากำลังจะเป็นนายกฯ หรือ อนาคต อาจเป็นรัฐมนตรี คุณพิธาต้องทำตัวเองให้สะอาด ถ้าคิดว่าการถือหุ้น ITV ไม่มีความหมายอะไรแล้ว คุณพิธา จะแจ้งการถือครองหุ้นทำไม ดังนั้น คุณพิธาต้องทราบสถานะตัวเองอยู่แล้ว จึงไปยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ไม่ว่าจะถืออยู่กี่หุ้นก็ตาม การยื่นร้องเรียนให้ตรวจสอบผมทำตามกฎหมาย และ สิทธิ ตาม รธน.
เพราะวันนี้ ไม่มีการตรวจสอบ แต่วันหน้าก็ต้องตรวจสอบอยู่ดี วันนี้ คุณพิธาชนะเลือกตั้งได้รับเลือกจากประชาชนท่วมท้น ผมก็ยินดีด้วยตอนนี้ แต่อยากให้ทุกประเด็นเป็นไปด้วยความโปร่งใส และใสสะอาดจะได้เคลียร์กันทุกฝ่าย และถ้าไม่มีปัญหา คุณพิธา จะได้เป็นนายกฯ ได้อย่างสง่างาม
นายสนธิญา ระบุด้วยว่า การยื่นร้องเรียนคุณสมบัติ นายพิธาวันนี้ เพราะหากอนาคต นายพิธาได้เป็นนายกฯเป็นทางการ แล้วเกิดมีประเด็นนี้เข้าไป จนหากวินิจฉัยหรือ พิพากษาว่าขาดคุณสมบัติ ซึ่งสถานการณ์เช่นนั้น อาจไม่ใช่เป็นที่ต้องการของประชาชน ก็จะยิ่งเกิดความเสียหายมากกว่านี้
รวมถึงอาจส่งผลกระทบทั้งต่อประเทศและประชาชน ภาคธุรกิจ,เศรษฐกิจ ตลาดหุ้น และถ้าย้อนไปสมัยการพิพากษา กรณี นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ศาลปกครองวินิจฉัยให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตอนนั้นมันก็กลายเป็นสุญญากาศ
กรณีของนายพิธาไม่ใช่แค่ประเด็นนั้นแต่นายพิธาเป็นหัวหน้าพรรค เป็นผู้ต้องเซ็นชื่อตัวเองเพื่อรับรองรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. ในการเลือกตั้ง ทั้งแบบบัญชีรายชื่อ และแบ่งเขต หากมีปัญหาเรื่องขาดคุณสมบัติตั้งแต่เริ่มต้นแล้วไปเซ็นให้คนอื่นลงรับสมัครเลือกตั้ง จะเกิดอะไรขึ้น จะโมฆะหรือไม่
ผมอยากเห็นว่าวันที่คุณพิธา เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลไปโดยที่ไม่มีอะไรติดขัดแล้ว อยากเห็นภาพประชาชนเรือนหมื่นร่วมกันไปส่งคุณพิธาเข้าทำเนียบฯ อย่างสง่างาม ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และเป็นเสียงเป็นพลังของประชาชนที่เป็นไปตามการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งวันนี้ผมก็ยินดีกับคุณพิธา แต่ผมไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณพิธาทำ คือ เรื่องหุ้น กับ การจะแก้ ม.112..
นายสนธิญา กล่าวด้วยว่า แต่หาก กกต.ไม่สามารถวินิจฉัยได้เร่งด่วน ก็ขอให้ส่งเรื่องไปให้ ศาลฎีกา แผนคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือ ศาลรัฐธรรมนูญ ช่วยวินิจฉัยพิพากษา และหาก กกต.ไม่ดำเนินการภายใน 2 สัปดาห์ ก็จะร้องเรียนการทำหน้าที่ของ กกต.ต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน
ส่วนประเด็นเรื่องการที่พรรคก้าวไกลและพรรคร่วมรัฐบาล อาจสนับสนุนให้แก้กฎหมายอาญามาตรา 112 นายสนธิญา ระบุว่า หากพบว่า มีบุคคลใดในพรรคร่วมรัฐบาล สนับสนุนให้แก้กฎหมาย ม.112 หรือ นิรโทษกรรม นายสนธิญา จะเคลื่อนไหวล่ารายชื่อประชาชนสนับสนุนและยื่นถวายฎีกา เพื่อขอคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่อบุคคลนั้นๆ และวันใดที่ กฎหมายนี้จะเสนอสู่สภา นายสนธิญา พร้อมจะที่จะนำประชาชนไปคัดค้านที่ด้านหน้ารัฐสภาทันที
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เลือกตั้ง2566 : “เรืองไกร” จ่อร้อง กกต.สอบ “พิธา” ถือหุ้น ITV ขัด รธน.หรือไม่
เลือกตั้ง2566 : “พิธา” ไม่กังวลปมหุ้น ITV แจงเป็นของกองมรดก