ยังไม่ทันที่รัฐบาลก้าวไกลจะจัดตั้งเสร็จ และเริ่มบริหารประเทศ แต่ MOU 8 พรรคร่วม เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์หลากหลาย รวมถึงเรื่องการนำกัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติด อาจกลายเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดการชุมนุมประท้วง
เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ประกาศนัดชุมนุมเมื่อจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกลเสร็จสิ้น เพราะมองว่าการนำกัญชากลับไปในบัญชียาเสพติด จะเป็นการลิดรอนสิทธิประชาชนในหลายประเด็น โดยเฉพาะคนที่ใช้กัญชาเป็นความมั่นคงทางยา
ที่ผ่านมากลุ่มเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย สนับสนุนพรรคก้าวไกลมาโดยตลอด แต่เมื่อเห็น MOU ที่จะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ทางเครือข่ายมองว่า อาจเป็นการดำเนินการภายใต้การช่วงชิงทางการเมืองหรือไม่
นอกจากนี้ ทางเครือข่ายยังได้โพสต์ไลฟ์เก่าที่เคยยื่นร่างกฎหมาย พ.ร.บ.กัญชาของประชาชน ให้กับพรรคก้าวไกลที่ขณะนั้นยังเป็นฝ่ายค้านไปผลักดัน เพื่อเน้นย้ำว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค เคยบอกว่ากัญชาต้องหลุดพ้นจากยาเสพติด แต่วันนี้จุดยืนเหมือนจะเปลี่ยนไป
ไม่ว่าการจะดึงกลับมาเป็นยาเสพติด จะเป็นท่าทีที่เปลี่ยนไปเพราะการเมือง หรือเพราะเรื่องอะไรก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องพิจารณาร่วมกัน คือ ขณะนี้การใช้กัญชา การปลูก การขายกัญชาในไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับ เห็นได้จากภาพร้านขายกัญชาใกล้สถานศึกษา กว่าจะจัดการได้ก็ต้องถามหาหน่วยงานดูแล กระทั่งกรมการแพทย์แผนไทยออกมายึดใบอนุญาต
สิ่งที่ต้องยอมรับตรงไปตรงมา คือ ขณะนี้มีการใช้กัญชาทั้งในทางการแพทย์และเชิงสันทาการ กัญชากลายเป็นพืชเศรษฐกิจไปแล้ว ไม่ว่าเป็นกัญชาที่ปลูกอย่างถูกต้องโดยวิสาหกิจชุมชน บางแห่งลงทุนกันเป็นสิบล้าน และกำลังไปได้ดี จึงเกิดความกังวลเมื่อกัญชาจะถูกดึงกลับไปเป็นยาเสพติด
ประวิน สายเลิศ รอง ปธ.กลุ่มวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพร อ.บ้านธิ จ.ลำพูน บอกว่า อยากให้กัญชาเป็นพืชสมุนไพรที่ควบคุมได้ และให้จัดโซนนิ่ง หรือจำกัดแต่ละที่ให้ชัดเจน แต่หากจะให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ก็ต้องมีมาตรการช่วยเหลือรัฐวิสาหกิจ เพราะลงทุนไปจำนวนมาก
ขณะที่ร้านขายกัญชาในลักษณะนิติบุคคล อย่างผู้ประกอบการร้านแคนน์-ดี-บิซ ที่ตั้งอยู่ที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ที่ดำเนินการถูกต้องและมีใบอนุญาตปลูกแบบอินดอร์ ยืนยันว่ามีคุณภาพระดับเพื่อการแพทย์ ขายทั้งช่อดอกแห้ง ใบ และอุปกรณ์สำหรับปลูกกัญชา
ผู้ประกอบการ บอกว่า ถ้าจะดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ไม่น่าจะกระทบถึงขั้นต้องปิดร้าน เพราะกฎหมายไม่มีผลย้อนหลัง แต่ต้องรอดูว่าจะมีมาตรการกฎหมายควบคุมให้เข้มงวดอย่างไรบ้าง ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มหรือไม่ รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัย และป้องกันการเข้าถึง เพราะประเด็นนี้จะกระทบค่าใช้จ่ายและการลงทุน ยิ่งรายจ่ายมากก็จะมีแต่คนที่มีทุนหนาเท่านั้นที่จะอยู่ได้ รายย่อยก็จะค่อย ๆ หาย และกลับเข้าสู่การผูกขาดของรายใหญ่อีกหรือไม่
ส่วนคนซื้อเมื่อกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดจะต้องมีเงื่อนไขในการซื้ออย่างไร เนื่องจากขณะนี้มีลูกค้าหลายคนที่ซื้อไปใช้เพราะอาการที่เป็นอยู่ไม่ได้หนักถึงขั้นต้องไปพบแพทย์ เช่น ใช้เพื่อให้นอนหลับสบาย โดยเห็นว่าควรจะมองในเรื่องของการมีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง ควบคู่กับการสร้างจิตสำนึก ความรับผิดชอบของผู้ค้าและผู้ใช้ เช่นเดียวกับการควบคุมสุรา หรือบุหรี่
ขณะเดียวกันมีเสียงสะท้อนจากตัวแทนเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ว่า การดึงกลับเป็นยาเสพติดแล้วจะสอดคล้องกับสภาพปัจจุบันของการใช้งานกัญชาหรือไม่
เรื่องนี้ยังเป็นประเด็นที่อยู่ใน MOU ของว่าที่รัฐบาลก้าวไกล การจะดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ครม.จะต้องแจ้งให้คณะกรรมการ ปปส. พิจารณาลงมติ จากนั้นเป็นไปได้ว่า ครม. หรือ ส.ส.จะเสนอร่างกฎหมายฉบับใหม่ โดยกำหนดให้ “กัญชา” เป็นพืชควบคุมเพื่อทางการแพทย์ ด้วยประเภทและคุณลักษณะซึ่งเป็นไปตามหลักการเดิมที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล เคยอภิปรายต่อสภาฯ ก่อนหน้านี้ ดังนั้นในช่วงเวลานี้จึงยังเป็นการแสดงความเห็นที่ยังรอการตกผลึกอีกครั้ง