หน้าแรก Voice TV นร. LGBTQ+ ถูกห้ามแต่งหน้า ครูย้ำ ‘ถ้าไม่พอใจ ให้ไปลาออก’

นร. LGBTQ+ ถูกห้ามแต่งหน้า ครูย้ำ ‘ถ้าไม่พอใจ ให้ไปลาออก’

90
0
นร.-lgbtq+-ถูกห้ามแต่งหน้า-ครูย้ำ-‘ถ้าไม่พอใจ-ให้ไปลาออก’

เพจนักเรียนเลว เผย ครูโรงเรียนดังจังหวัดกาฬสินธุ์ เรียกพบกลุ่มนักเรียน LGBTQ+ หลังเลิกแถว ยึดเครื่องสำอาง กำชับห้ามแต่งหน้า-ใส่ชุดนักเรียนตามเพศสภาพ และย้ำทิ้งท้ายว่า “ถ้าไม่พอใจ ให้ไปลาออก”

เฟซบุ๊กเพจ นักเรียนเลว เปิดเผยว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 มิ.ย.) เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ #รรดังจังหวัดกาฬสินธุ์ พบกลุ่มนักเรียน LGBTIQ+ ที่แต่งหน้ามาเรียนถูกครูเรียกไปพบหลังเลิกแถว โดยพูดหน้าแถวว่า “กะเทยพบครูหลังเลิกเเถว” เมื่อไปพบจึงถูกยึดเครื่องสำอาง กำชับห้ามแต่งหน้า-ใส่ชุดนักเรียนตามเพศสภาพ และย้ำทิ้งท้ายว่า “ถ้าไม่พอใจ ให้ไปลาออก”

ผู้ร้องเรียนเผยว่า แต่เดิม ร.ร. อนุญาตให้ นร. แต่งกาย-ไว้ทรงผมตามเพศสภาพได้ แต่เนื่องจากการประกาศใช้ระเบียบใหม่ ภายใต้การนำของ ผอ. คนใหม่ มีการบังคับชุดแต่งกายและระเบียบทรงผมตามเพศกำเนิด หลังการเข้าแถวตอนเช้า นร. LGBTIQ+ ถูกสั่งให้ไปตัดผมตามเพศกำเนิด และยังริบเครื่องสำอาง นร. ที่แต่งหน้ามาเรียน จนทำให้ นร. เครียดและร้องไห้เพราะมันเป็นการทำลายความมั่นใจของพวกเขา และเป็นการลิดรอนสิทธิเหนือร่างกายอีกด้วย

นอกจากนี้ ผู้ร้องเรียนระบุว่า นร. หลายคนถูกครูค้นกระเป๋าโดยพลการ เพื่อตรวจหาว่านำเครื่องสำอางมา ร.ร. หรือใหม่ ทำให้ นร. รู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างมาก และยืนยันว่าสภาพแวดล้อมใน ร.ร. นี้ ไม่เอื้อต่อการสร้างสังคมแห่งความหลากหลายทางเพศ เพราะคำพูดของครูที่กล่าวไว้ว่า “ถ้าไม่พอใจ ให้ไปลาออก” เป็นการไม่ให้เกียรติ นร. อย่างมาก

แหล่งข่าวให้ข้อมูลว่า มี นร. หลายคนไม่พอใจกับกฎระเบียบของ ร.ร. แต่ไม่สามารถที่จะเรียกร้องหรือออกเสียงได้ เพราะจะมีบทลงโทษ ตนจึงหวังว่า ในเดือน Pride Month นี้ สังคมข้างนอก ร.ร. ที่เริ่มมีการตระหนักรู้เรื่องความหลากหลายทางเพศแล้ว สักวันหนึ่ง ร.ร. นี้จะมีความเข้าใจในหลักการนี้บ้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินความเข้าใจแต่อย่างใด

งานวิจัยโดยมูลนิธิช่วยเหลือเด็ก (ประเทศไทย) ปี 2566 เปิดเผยว่า ภาวะสุขภาพจิตเยาวชนผู้มีความหลากหลายทางเพศในประเทศไทยอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง ร้อยละ 71.1 ของกลุ่มตัวอย่าง 3,094 คน มีอาการซึมเศร้าในระดับน้อยขึ้นไป โดยเกือบ 3 ใน 5 มีความคิดฆ่าตัวตาย

Timo Tapani Ojanen หนึ่งในผู้วิจัย ระบุว่า “โรงเรียนไม่ควรไปเพิ่ม ความทุกข์ของกลุ่มหลากหลายทางเพศ เช่น เรื่องเครื่องแบบ เรื่องทรงผม ถ้าเกิดโรงเรียนไม่ได้ไปบังคับตามเพศกำเนิดเท่านั้น ก็จะลดความกดดัน ลดปัญหาสุขภาพจิต ที่ตามมาในกลุ่มหลากหลายทางเพศด้วย”

อย่างไรก็ดี TLHR ระบุว่า การยึดสินทรัพย์ของนักเรียน อาจมีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 334, 336-339 ลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ หรือ ชิงทรัพย์ ซึ่งคดีอาญานั้นเป็นคดีที่ยอมความไม่ได้

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่