ศาลอาชญากรรมสงครามสหประชาชาติชี้ว่า เฟลิเซียน คาบูกา ชายวัย 88 ปี ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ ในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของรวันดาช่วงปี 2537 ไม่พร้อมพอที่จะขึ้นศาล โดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ระบุว่า คาบูกามี “ภาวะสมองเสื่อมขั้นรุนแรง”
ก่อนหน้านี้ คาบูกาถูกจับกุมในกรุงปารีสเมื่อปี 2563 หลังจากเขาหลบหนีการจับกุมมาเป็นเวลากว่า 26 ปี ทั้งนี้ มีการกล่าวกันว่าคาบูกาเป็นชายที่ร่ำรวยที่สุดของรวันดา โดยเขาถูกกล่าวหาว่าให้เงินสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ฮูตู ซึ่งสังหารชาวทุตซีและฮูตูสายกลางไปราว 800,000 คน แม้คาบูกาจะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
คำสั่งศาลในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ศาลมีคำตัดสินในลักษณะดังกล่าว ในการเดินหน้าดำเนินคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์รวันดาที่ยาวนานหลายทศวรรษ เพื่อนำผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวรวันดา เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้
ในการพิจารณาคดี ผู้พิพากษาศาลอาชญากรรมสงครามสหประชาชาติในกรุงเฮกกล่าวว่า คาบูกา “ไม่เหมาะที่จะเข้าร่วมการพิจารณาคดีอย่างเกิดประโยชน์ และไม่น่าจะกลับมามีสุขภาพที่แข็งแรงดีได้อีกในอนาคต” ทั้งนี้ ผู้พิพากษาได้เสนอกระบวนการทางกฎหมายทางเลือกที่ “คล้ายกับการพิจารณาคดีมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะมีการตัดสินลงโทษ”
ตามเอกสารของศาลระบุว่า ศาลอาชญากรรมสงครามสหประชาชาติ ได้หยุดการพิจารณาคดีชั่วคราวในเดือน มี.ค. เพื่อให้มีการประเมินสุขภาพของคาบูกา ทั้งนี้ รายงานระบุว่าคาบูกามีอายุอยู่ที่ 88 ปี แม้ว่าจะมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับอายุที่แน่นอนของเขาก็ตาม
มีการกล่าวหาว่าคาบูกาใช้ทรัพย์สมบัติมหาศาลที่หามาได้ในปี 2513 เพื่อซื้ออาวุธให้กับหน่วยสังหารหมู่ฮูตู คาบูกาซึ่งเป็นนักธุรกิจผู้มั่งคั่งยังถูกกล่าวหาว่า เขาใช้สถานีวิทยุที่เขาตั้งขึ้นเพื่อยั่วยุให้ชาวฮูตูฆ่าชาวทุตซี และปลุกระดมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ด้วยการแพร่คำพูดแสดงความเกลียดชังที่ปลุกระดม
ก่อนหน้านี้ นักสืบฝรั่งเศสติดตามและจับกุมตัวคาบูกา ที่อพาร์ตเมนต์ของเขาที่กรุงปารีส ซึ่งเขาอาศัยอยู่ภายใต้ชื่อปลอม ทั้งนี้ สหรัฐฯ เสนอรางวัลนำจับคาบูกาอยู่ที่ 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 173 ล้านบาท) สำหรับข้อมูลที่นำไปสู่การจับกุมเขา
ที่มา: