นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวถึงการสั่งนับคะแนนเลือกตั้งใหม่ 47 หน่วยเลือกตั้งว่า เป็นกรณีที่คะแนนนับไม่ตรงกัน ซึ่งมาจากการขีดขานนับคะแนนผิดพลาด แต่จำนวนบัตรและจำนวนคนมาใช้สิทธิตรงกัน
คาดว่าน่าจะนับเสร็จไม่เกิน 5 วันก่อนจะส่งผลคะแนนมายัง กกต.อีกครั้งหนึ่ง และการนับไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส.แต่ละพรรคการเมือง ย้ำว่าทุกอย่างดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนกรณีบัตรเลือกตั้งที่ใช้กับจำนวนคนไปใช้สิทธิไม่ตรงกัน กฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 122 กำหนดว่า กกต.อาจใช้ดุลพินิจพิจารณาว่าคะแนนเขตนั้น ไม่มีผลต่อการเลือกตั้งใหม่ ก็อาจให้ยุติเรื่องได้ และการรับรอง ส.ส.ต้องประกาศร้อยละ 95 จะทยอยประกาศเหมือนการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่ได้
ประธาน กกต. กล่าวถึงว่าที่ ส.ส.ที่ถูกร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้งว่า ขณะนี้เป็นคำร้องที่ต้องพิจารณาว่า จะรับไว้พิจารณาหรือไม่ ตามอำนาจ กกต.พิจารณา อาจต้องใช้เวลาพิจารณา โดยไม่ได้ถ่วงเวลาให้ยืดยาว
หากรับก็เข้าสู่กระบวนการสืบสวนไต่สวนตามระเบียบที่จะเริ่มตั้งคณะกรรมการฯ สอบพยาน หาหลักฐานและหาความเห็นก่อนจะทำความเห็นถึง เลขาธิการ กกต.เพื่อเสนอต่อที่ประชุม กกต.พิจารณา
ยังอ้างถึงมาตรา 127 ให้ กกต.ตรวจสอบเบื้องต้น หากการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต และการตรวจสอบคืบหน้ามาก และต้องรับฟังรายงานผู้ตรวจการเลือกตั้ง ข้อมูลข่าวสารแหล่งอื่นและคำร้อง หากแล้วเสร็จจะประกาศผลได้เลย ตามกฎมายกำหนดให้ประกาศโดยเร็วแต่ไม่เกิน 60 วัน และสัปดาห์หน้าจะชัดเจนว่าจะประกาศรับรอง ส.ส.ได้เมื่อไหร่ เชื่อว่าจะรับรองได้เร็วกว่าเลือก ตั้งครั้งก่อน
ยอมรับว่ายังมีบางหน่วยที่ต้องพิจารณาในวันนี้ว่าจะต้องมีการนับคะแนนใหม่หรือไม่ แต่ไม่ถึงการเลือกตั้งใหม่ และ กกต.รับมืแข้อครหาการเลือกตั้งไม่โปร่งใสเหมือนทุกครั้ง เพราะต้องตรวจสอบเบื้องต้นตามขั้นตอนปกติ ย้ำไม่ได้เป็นตัวถ่วงประกาศรับรอง ส.ส.
นายอิทธิพรกล่าวถึงความคืบหน้าคำร้องนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลว่า มี 3 คำร้อง ต้องพิจารณาว่ารับคำร้องหรือไม่ หรือมีความปรากฎหรือไม่ เมื่อรับเข้ากระบวนการตามกฎหมาย ตอนนี้ สำนักงาน กกต.กำลังเสนอ กกต. อยู่ และไม่สามารถชี้ได้ว่าคำร้องต่อนายพิธาต้องทำให้แขวนการประกาศรับรอง ส.ส.หรือไม่
และระบุว่าอาจไม่ไปไกลถึงขนาดที่ว่า กรณีคำร้องนายพิธา ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะมีผลสืบเนื่องไปยังว่าที่ ส.ส. ที่นายพิธาลงนามรับรองสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ ที่มีข้อบังคับพรรคสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญกรณีคุณสมบัติสมาชิกพรรค โดยชี้แจงว่ายังอยู่ในกระบวนการพิจารณา กกต. จึงให้ความเห็นไม่ได้
แต่หากมีการรับคำร้องนายพิธาก็จะมีการเชิญผู้ถูกร้องมาชี้แจงให้ถ้อยคำ ซึ่งเป็นกระบวนการตามปกติ และย้ำการพิจารณา กกต. ทำตามกฎหมาย และรับทราบความเห็นประชาชนส่วนหนึ่งที่แสดงความเห็น แต่ กกต.ก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติไม่สามารถละเว้นได้ และไม่ได้กังวลว่ามีการชุมนุมกดดัน แต่ กกต.มีหน้าที่ต้องทำหน้าที่ ไม่เช่นนั้นก็ทำงานไม่ได้
ทั้งนี้ชี้แจงว่าสโลแกน กกต.ไม่ได้เปลี่ยน ซึ่งย้ำมาตลอดว่าการเลือกตั้งต้องสุจริต เที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมาย เป็ฯถ้อยคำตามกฎหมายเลือกตั้ง และ กฎหมาย กกต. แทบจะทุกมาตรา
และชี้ว่าทุกคนมีสิทธิเสนอความเห็ฯ หลังนายพิธา กล่าวถึงเรื่องการโละองค์กรอิสระ ที่ไม่เป็นอิสระ แต่ไม่ได้เกี่ยวกับ กกต. เพราะ กกต.เป็นผู้ปฏิบัติตามกฎหมาย