‘วิษณุ’ แจงปมให้สัมภาษณ์บอก ม.151 ไม่ทำสะดุดเป็นนายกฯ เหตุศาล รธน.ไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ โยนรอดูคำร้อง-คำสั่งศาล ไม่ขอตอบหวั่นชี้ช่อง รอมีตำแหน่ง ส.ส.-ส.ว.เข้าสอยที่หลังได้หรือไม่ มองอยู่ที่ดุลยพินิจ ปธ.สภาฯ รู้มีปัญหาแต่เดินหน้าเลือกต่อ ก็ต้องรับผิดเอง
วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ระบุถึงกรณีการให้สัมภาษณ์วานนี้ ที่ระบุว่าหากผู้ที่ถูกศาลรัฐมนูญ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่จะสามารถเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีได้หรือไม่ ว่า เมื่อวานนี้คำถามมันหลายคำถาม ตั้งต้นถามผม จากมาตรา 151 แล้วก็ไม่รู้ว่าขยับกระโดดคำถามไปเป็นคำถามในมาตรา 82 เมื่อใด ซึ่งหลักง่ายๆที่เขามาโต้แย้งตน ถ้าเป็นไปตามข่าวว่าตนได้พูดอย่างนั้นก็ถูกต้องแล้ว เพราะต้องเรียงลำดับเรื่องการฟ้องตามมาตรา 151 ศาลจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ เพราะเป็นการฟ้องตามศาลอาญาปกติ ศาลที่จะสามารถสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้คือศาลรัฐธรรมนูญ และอยู่ที่ว่าขั้นตอนการหยุดปฏิบัติหน้าที่จะหยุดเมื่อใด ซึ่งหน้าที่มีเมื่อไหร่ คือเริ่มต้นจากการรับรองผลการเลือกตั้ง หลังจากนั้นเป็นการรายงานตัว และมีการเสด็จฯเปิดประชุมสภาฯ และมีขั้นตอนการเลือกประธานสภาฯ โดยใช้ ส.ส.ผู้ที่มีอาวุโสสูงสุด โดยให้สมาชิกได้ปฏิญาณตนจึงถือว่าเป็น ส.ส. แต่ความเป็นส.ส.ที่จะเข้าชื่อกัน จำนวน 1 ใน 10 มันจะเกิดขึ้น เมื่อได้มีการปฏิญาณตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พร้อมยกตัวอย่าง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ว่าสามารถปฏิญาณตนได้ในฐานะ ส.ส. แต่หากศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งก็ต้องดูว่าศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ใดตำแหน่งใด แต่หากไม่มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ก็สามารถดำเนินกระบวนการนั้นไปได้ เว้นแต่มีในคำร้อง ซึ่งตนไม่อยากชี้ช่อง ว่าในคำร้องได้ร้องอะไรยืดยาวมากกว่านี้ ซึ่งถ้าศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ทั้งหมด ก็ไม่สามารถเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เนื่องจากหากเสนอไปแล้วแต่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้จะเอาความไปกราบบังคมทูลฯว่าอย่างไร และเมื่อทรงแต่งตั้งแล้ว ตั้งรัฐมนตรีก็ไม่ได้ เพราะผู้ที่ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ คือนายกรัฐมนตรี แต่กระบวนการจะต้องเกิดขึ้นตามลำดับอย่างนี้ แต่นี้ไม่ทราบว่าศาลจะสั่งอย่างไรในเวลานั้น เหมือนกับกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี แต่ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ยังทำหน้าที่ได้ เพราะศาลไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดังนั้นสิ่งที่เขาโต้แย้งผมมาก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่ว่าหยิบประเด็นกันขึ้นมาคนละประเด็นกัน
เมื่อถามว่า มีกฎหมายใดห้ามเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า ไม่มี แต่ตนไม่รู้ว่าคำร้องจะว่าอย่างไร ซึ่งถ้าตนแสดงความคิดเห็นจะหาว่าชี้ช่องให้ร้องอีก ตนจึงไม่ขอตอบในส่วนนี้
เมื่อถามย้ำว่า ทั้งหมดอยู่ที่คำร้องของผู้ร้องใช่หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า ใช่ และอยู่ที่คำสั่งของศาลด้วย ร้องไป 5 เรื่อง ศาลสั่งแค่ 2 เรื่องก็ไม่ได้
เมื่อถามว่า สุดท้ายแล้วจะอยู่ที่ดุลยพินิจของประธานสภาผู้แทนราษฎรใช่หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรมีบทบาทสำคัญที่สุด ที่จะรับมือเรื่องนี้ (handle) เนื่องจากมีลายเซ็นของประธานสภาผู้แทนราษฎรเพียงผู้เดียวในการกราบบังคมทูลเรื่องนี้ เพราะเวลาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี จะมีคำว่า ส่งพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี เพื่อปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน
เมื่อถามว่า บทบาทของประธานสภาฯหากเห็นอะไรสมควรหรือไม่สมควร จะต้องดำเนินการตรงนี้ใช่หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า อยู่ที่ตรงนี้ที่จะต้องรับผิดชอบ เหมือนการเสนอแต่งตั้งข้าราชการ จะมาจากกระทรวงใดก็ช่าง นายกรัฐมนตรีเป็นคนเซ็น นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งเมื่อกลับมาที่เรื่องที่ตนพูดเมื่อวานนี้
เมื่อถามว่า เรื่องนี้อยู่ที่ประธานสภาฯใช่หรือไม่ที่ต้องทำให้ถูกต้อง วิษณุ กล่าวว่า ถูกต้อง เริ่มต้นพอเสนอชื่อประธานสภาฯจะรับชื่อนั้นหรือไม่ ถ้าทำไม่รู้ไม่ชี้ก็รับมาและก็ต้องมีกทรโหวตแข่งอยู่แล้ว 2-3 ชื่อก็ว่ากันไป เมื่อสอบตก ไม่ได้ประธานสภาฯ ก็ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่หากได้ขึ้นมาประธานสภาฯก็ต้องคิดหนัก
เมื่อถามว่า หาก ส.ส.โหวตรายชื่อที่มีปัญหาแล้วได้รับการเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีจะมีปัญหาด้วยหรือไม่ ง วิษณุ กล่าวว่า ถูกต้อง ทั้งสอง ส.ส.และ ส.ว. เป็นเพียงการรับผิดชอบทางการเมือง แต่ไม่มีการรับผิดชอบทางกฎหมาย
เมื่อถามว่า หากพิจารณาตามข้อกฎหมาย จะมีเฉพาะตำแหน่งส.ส.หรือนายกรัฐมนตรีที่ศาลสั่งปฏิบัติหน้าที่ แต่ตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตราบใดที่ยังไม่ได้ลงตำแหน่ง อาจจะยังไม่มีกฎหมายที่ระบุให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ล่วงหน้าใช่หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า ตนไม่กล้าตอบ เพราะเราไม่เคยมีตัวอย่าง ศาลอาจจะสั่ง หรือไม่สั่งก็ได้ การสั่งตามมาตรา 82 เป็นการสั่งในตำแหน่งส.ส. ส.ว. และรัฐมนตรี
เมื่อถามถึงกรณี ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มีการร้องแค่เรื่อง ส.ส.เพียงอย่างเดียว จึงสามารถโหวตนายกรัฐมนตรีได้ใช่หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า ใช่ ตอนนั้นไม่มี แต่หากมีคำร้องในตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯพ่วงมาด้วยก็จะเกิดปัญหา ซึ่งเราไม่มีตัวอย่างมาก่อนจึงไม่สามารถเปรียบเทียบได้
หากจะร้องในกรณีดังกล่าวต้องให้ พิธา เป็นนายกรัฐมนตรีก่อนใช่หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ขอชี้ช่อง ถ้าผมตอบคุณตรงนี้เท่ากับผมชี้ช่อง
ส่วนหากโหวตนายกรัฐมนตรีแล้วไม่ผ่าน วาระจะถูกค้างอยู่ในสภาฯใช่หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า หากโหวตได้ไม่ถึงครึ่งวาระนี้ก็อยู่ในสภาฯ ถูกแล้ว แต่ถ้าตนพูดอย่างนี้ก็จะเป็นการถูกมองว่าชี้ช่องให้รัฐบาลอยู่ยาว ก็ควรทำให้มันเสร็จให้เร็ว วันนี้ไม่เสร็จพรุ่งนี้ก็เลือก มะรืนก็เลือก
ส่วนมองอย่างไรที่คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. เพ่งเล็งการดำเนินคดีต่อนายพิธา ใน ม.151 โดยไม่มีสารตั้งต้น วิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ขอตอบ เพราะรู้ว่าธงของคำตอบคืออะไร
ส่วนที่ สมชัย ศรีสุทธิยากร ออกมาวิจารณ์ข้อกฎหมายที่เปิดช่องให้ ส.ว. เข้าชื่อหนึ่งในสิบ เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของส.ส. ตามมาตรา 82 สามารถทำได้ใช่หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า สามารถทำได้ เนื่องจากมาตรา 82 ไม่มีบทเฉพาะการสามารถใช้ได้ตลอด