วันนี้ (22 มิ.ย.2566) นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พูดพาดพิงพรรคก้าวไกล ในที่ประชุมสัมมนา ส.ส. พรรคเพื่อไทยวานนี้ (21 มิ.ย.) ในเรื่องประธานสภาฯ ว่า เมื่อวานนี้เป็นการประชุมภายในของพรรค และทุกครั้งก็แลกเปลี่ยนประเด็นกันเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเป็นการถกเถียงแบบประชาธิปไตย ถกเถียงกันแบบเอาเป็นเอาตาย
ในส่วนของเป็นประเด็น ประธานสภา ส.ส. 140 คน ได้ข้อมูลไม่ตรงกัน ก่อนหน้านี้บอกว่า พรรคก้าวไกล 14+1 ได้นายกรัฐมนตรี ส่วนพรรคเพื่อไทย 14+1 ได้ประธานสภาฯ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นเราก็มีความสุข แต่ถัดมากลับไปยกประธานสภาฯ ให้ก้าวไกล โดยไม่สอบถามที่ประชุมของพรรคเลย จึงมีการถกเถียงกันรุนแรงไปหน่อย ถ้าพาดพิงถึงพรรคการเมืองอื่นต้องกราบข้อโทษด้วย
จากนี้คนที่มาทำหน้าที่เจรจา ต้องไปพูดกับพรรคก้าวไกล โดยคำนึงถึงความรู้สึกของสมาชิก เกือบ 100 % ที่มีความเห็นในแบบเดียวกันกับตนเอง เพราะไม่อยากให้ตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาล โดยภาวนาขอให้เจรจาจบลงโดยเร็ว อย่าลืมว่าคะแนนเสียงห่างกันไม่มาก
ส่วนจะมีการเสนอรายชื่อบุคคลอื่น เพื่อแข่งกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายอดิศรกล่าวว่า เมื่อมีปัญหาถกเถียงกันแล้ว ไม่สามารถหาข้อยุติได้ ตามประเพณีก็ต้องใช้ที่ประชุมเป็นที่ตัดสิน เพราะที่นี่ไม่ใช่สภาของพรรคใดพรรคหนึ่ง ไม่มีพรรคใดได้เสียงเกินครึ่ง แต่ถ้ามติของที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ให้เลือกพรรคก้าวไกลเป็นประธานสภาฯ ตนจะแสดงบทบาทในที่ประชุมอีกครั้ง ไม่อยากให้พูดว่า “ถ้า” ตอนนี้ เพราะจะทำให้ยุ่งยาก
ต้องขออภัยพรรคก้าวไกลด้วย เพราะเราสูงไล่เลี่ยกัน แต่ละคนก็มี FC ประชาธิปไตยเป็นของตัวเอง ก็อยากให้ FC อยู่ในสถานที่ตั้งที่มั่นคง อยากให้ทุกคนใจเย็น ฉันทามติที่มอบให้พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ถือว่าอยากให้เป็นเหมือนปาท่องโก๋ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ต้องมีนายกรัฐมนตรี ชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้ได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าที่ประชุมพรรคมีมติเป็นอย่างไร ตนก็พร้อมทำตาม แต่จะต้องเป็นมติที่ผ่านการถกเถียงในพรรคอย่างสมเหตุผล ผู้บริหารพรรคหรือตัวแทนพรรค ไม่ใช่เจ้าของพรรค ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ส่วนความกังวลเรื่องสมาชิกพรรษาน้อย จะมาทำหน้าที่ประธานไม่ได้นั้น นายอดิศรกล่าวว่า เป็นเพียงภาษิตอีสานบ้านตนเท่านั้น ที่เปรียบเทียบให้สติ ว่า จะเอาสามเณรบวชใหม่มาเป็นเจ้าอาวาสไม่ได้ แต่ความจริง ส.ส. ทุกคนสามารถเป็นประธานสภาได้ เพราะประชาชนเลือกมาแล้วถือเป็นคำพิพากษาที่ยิ่งใหญ่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“เพื่อไทย” นั่งรถเมล์ EV มารายงานตัว ส.ส.