‘ประยุทธ์’ ยอมรับทยอยเก็บของพ้นทำเนียบฯ ลั่นพร้อมออกพ้นบ้านหลวง แต่ต้องไปแก้ระเบียบ ทบ. ชี้ชาติอื่นยังดูแลอดีตผู้นำตามหลักสากล – ย้ำไร้ดีลอยู่ต่อ – เมินโดนเช็กบิลย้อนหลัง – ไม่ยุ่งเลือกประธานสภา โยนเป็นกลไกลการเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์การอพยพเข้ามาฝั่งไทยของชาวเมียนมาร์ หลังจากมีการสู้รบรุนแรง ว่า วันนี้มีคนเข้ามาในพื้นที่ปลอดภัย 4-5 พันคน และเมื่อสิ้นสุดแล้วเขาก็กลับไปด้วยความสมัครใจ ซึ่งเราดูแลตามหลักมนุษยธรรมืทั้งเรื่องอาหารและการรักษาพยาบาล ทั้งนี้ ตนก็ไม่อยากให้มีสถานการณ์รุนแรงขึ้นเป็นหนึ่งเหตุผลที่เราคุยกับเขา ซึ่งมันมีความยาก โดยอาเซียนก็มีการพูดคุยหารือกันมาโดยตลอดเพื่อให้เขาเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการจากไปของนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี หรือ ผู้ว่าฯหมูป่า ซึ่งตนเองได้ส่งพวงหรีดเพื่อแสดงความเสียใจไปแล้ว พร้อมกล่าวว่า ท่านเป็นคนดี ก็เสียดายที่ต้องสูญเสียคนดีๆไป
ส่วนการประชุมสภากลาโหมในวันนี้ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2566 หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ได้มีการพูดคุยกันซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลาก็จะมีการพูดคุยกัน แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่เหล่าทัพต้องไปเตรียมการปรับย้ายภายใน เพื่อเสนอขึ้นมาในคณะกรรมการฯ โดยยืนยันว่า ยังมีเวลาอยู่ แม้เป็นรัฐบาลรักษาการ
ขณะที่การปฏิรูปกองทัพ ขณะนี้อยู่ในระยะที่ 2 ก็ได้มีการพูดคุยกันแล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ระบบงบประมาณที่มีไม่เพียงพอ เพราะหากทำก็ต้องนำยุทโธปกรณ์ใหม่เข้ามา รวมถึงซ่อมของเก่า ซึ่งต้องดูในเรื่องนี้ด้วย เพื่อให้เดินหน้าไปได้
เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่เมื่อรัฐบาลใหม่เข้ามา จะพูดเกี่ยวกับเรื่องงบประมาณของกระทรวงกลาโหมไม่เข้าใจ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนได้ให้สำนักงบประมาณดูแล้ว เมื่อถึงเวลาก็ต้องให้มีการหารือกันกับรัฐบาลใหม่
ขณะที่การเจอผู้บัญชาการเหล่าทัพในวันนี้ ไม่ได้มีการพูดคุยกัน เพียงแต่ให้เตรียมข้อมูลให้พอเพียงเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลใหม่ พร้อมยืนยันว่า ตนเองไม่ได้ขัดแย้งกับใครอยู่แล้วพร้อมให้เกียรติซึ่งกันและกัน ส่วนการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลมันก็ต้องไปด้วยกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็แล้วแต่
เพราะรัฐบาลเป็นผู้บริหารทั้งหมดอยู่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลของตนหรือรัฐบาลใดก็เหมือนกันทั้งหมด ไม่ใช่ทหารจะมาปกครองแต่ทหารก็เป็นเครื่องมือของรัฐบาลมาโดยตลอดของทุกรัฐบาลที่ผ่านมา เพราะคนบริหารก็คือนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
เมื่อถามว่า พูดแบบเหมือนว่า พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมจะไปและมีการเก็บของตามกระแสข่าวใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนเองไม่เกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้นกับข่าวที่ออกมา ขออย่านำตนไปเกี่ยวข้อง พร้อมยืนยันว่า ตอนนี้ตนก็ยังอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ และย้ำว่า ตนไม่ได้มีการเจรจาหรือดิลกับใครทั้งสิ้น เพราะเราต้องเคารพซึ่งกันและกันตามกระบวนการรัฐธรรมนูญ ซึ่งการรวมพรรครวมกลุ่มรวมฝ่ายตนจะไม่ไปยุ่งอะไรทั้งสิ้น
เมื่อถามย้ำว่าการเก็บของออกจากทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ถามกลับสื่อว่า เก็บไม่ได้หรือ มาสนใจแต่เรื่องเก็บ ไม่เก็บ ซึ่งมันก็ต้องมีการทยอยเก็บไปบ้างแหละ เพราะว่าวันนี้ต้องทำตามสิ่งต่างๆในช่วงเวลาที่ควรทำ และห้องตนก็รกเพราะมีเอกสารมาก ซึ่งอยากจะรื้อไปตั้งนานแล้ว เดินก็สะดุดจะตายแล้ว เพราะอยู่มาหลายปี
เมื่อถามว่า หากพ้นอำนาจนายกรัฐมนตรีจะต้องออกจากบ้านพักหลวงในค่ายทหารหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องกติกาเดิมอยู่แล้ว หากวันหน้าจะแก้ไข ก็ต้องไปแก้ที่กฎกระทรวง เพราะเป็นระเบียบของกองทัพบก
“การที่เขาจะดูแลผู้บังคับบัญชา มันเป็นกติกาเหมือนเดิม ถ้าอยากเปลี่ยนก็เชิญก็เปลี่ยนไป อยากเปลี่ยนก็เชิญ ก็เปลี่ยนไป ผมก็พร้อมออก “
เมื่อถามต่อว่า ยังอยู่ได้ในฐานะอดีตผู้บัญชาการทหารบกใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตั้งแต่อดีต ผบ.ทบ.มา นายกรัฐมนตรีหลายประเทศเขาก็ดูแลกันอยู่ “มีหลายประเทศไหนเขาไล่คนเก่าไหมล่ะ เขาก็มี รปภ.มีอะไรต่างๆดูแลตลอด ไอ้ประประเทศไทยไม่ได้เลยต้องเท่าเทียม แล้วแต่ ผมก็เคารพกติกา”
เมื่อถามย้ำว่า พรรคเพื่อไทยมีการกดดันให้ออกจากบ้านพักหลวง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าระเบียบว่าอย่างไรก็ไปแก้มาสิ วันนี้ผมอยู่ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย บ้านผมก็มีไม่ใช่ว่าไม่มี แต่มันไม่ปลอดภัย แต่ถ้าเขาไม่เข้าใจก็เรื่องของเขา พร้อมปฏิเสธว่า ตนไม่ได้ห่วงว่าใครจะมาทำอะไร แต่มันเป็นหน้าที่และเป็นสากล พร้อมยืนยันว่า “ผมก็มีแรงป้องกันตนเองอยู่เหมือนกัน”
เมื่อถามว่า ทำไมถึงคิดว่าตนเองจะไม่ปลอดภัย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นการพูดถึงหลักการของคนเป็นผู้นำและอดีตผู้นำ และถ้าวันนี้ทุกคนเท่าเทียมกันหมด มาวันนี้ก็ไม่ต้องมีใครมากับตน หากไปไหนไปคนเดียวจะได้หรือไม่ ซึ่งเขาก็ต้องให้เกียรติและคุ้มครองดูแลที่เป็นหน้าที่ เดี๋ยวรัฐบาลหน้ามาก็ได้รับการดูแลเช่นกัน แต่เขาไม่ใช่ทหารแบบตนเท่านั้นเอง
ส่วนกลัวจะโดนเช็คบิลย้อนหลังหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ถามกลับสื่อว่า ผมต้องกลัวอะไรเล่า ก็ไปสู้ทางกฎหมายเอา จะถามว่าเขาจะแจ้งความในเรื่องกบฏในการทำรัฐประหาร พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า มันจบไปตั้งนานแล้ว กฎหมายมันย้อนได้ไหมเล่า เขาพยายามมันทำได้ไหม ผิดหลักการทางกฎหมายไหม
เมื่อถามแสดงว่า ตนมั่นใจจะไม่โดนเช็คบิลย้อนหลังใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธว่าไม่รู้และไม่ทราบ ส่วนจะไปเช็คบิลเขาก่อนหรือไม่ ตนไม่ไปรบกับใคร เอาผมไปรบกับเขาเรื่อย ข่าวลือคือข่าวลือ ไม่ฟังแล้วขี้เกียจฟัง และไม่ขอฝากบอกอะไร
เมื่อถามว่ากองทัพมีความเป็นห่วงหรือไม่ ถ้าหากพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นรัฐบาล และอาจจะมีการลงถนนเกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าเ ป็นเรื่องของฝ่ายมั่นคงดำเนินการ หาชุมนุมโดยสงบก็ว่าไปแต่ถ้ามีการใช้ความรุนแรงหรือเข้าไปในเขตที่หวงห้าม ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่อย่าให้เกิดเลย
ส่วนเรื่องการโหวตเลือกประธานสภาฯ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนเองไม่ยุ่งและไม่ตอบ พร้อมย้ำว่า จบแล้ว และจะไม่ยุ่งสักอย่าง และการที่พูดว่าเห็นชอบตรงนั้นตรงนี้ยืนยันว่า ไม่ได้เห็นชอบอะไรทั้งสิ้น ส่วนแนวทางการโหวต เดี๋ยวพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็คงหารือกันเอง ได้มอบหมายให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐทวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ดูแลในเรื่องนี้ โดยไม่ต้องสั่ง ส่วนจะให้ฟรีโหวตหรือเป็นมติพรรคนั้น ทุกพรรคเขาก็ต้องมีมิติของตัวเอง
ขณะที่การทำงานของนายพีระพันธุ์ ในฐานะเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตามกฎหมายมันได้ แม้จะไม่เคยเกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ก็บอกแล้วตรวจสอบทางกฎหมายแล้วไม่มีอะไร สามารถทำงานได้ไปจนถึงวันปฏิญาณตน
ส่วนที่มีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถูกจับตาว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าไม่ทราบ เพิ่งได้ยินวันนี้ และหากจะเอาตนไปเกี่ยวพันด้วย ตนไม่เกี่ยวข้อง พร้อมปฏิเสธว่า ไม่สามารถที่จะอ่านใจกันได้ขนาดนั้น
เพราะอันนี้เป็นเรื่องของการเมือง ก็ให้กลไกทางการเมืองว่าไป รวมทั้งปฏิเสธตอบว่า พล.อ.ประวิตร สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ เพราะเป็นกลไกในเรื่องการลงคะแนนเสียง ใครจะไปรวมกับใครตนไม่รู้ ตอนนี้รู้เพียงพักอันดับ 1และ2 กำลังรวมกันอยู่ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามนี้ อย่าสงสัยมาก
เมื่อถามว่า หากพล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ จะไปร่วมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ให้การเลือกประธานสภาตอนนี้ไปให้ได้ก่อน
เมื่อถามว่าหากได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่มาจริงๆ จะใจหายหรือไม่ เพราะทำงานมานาน อยู่มา 8-9 ปี พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ไม่หรอก เพราะทำดีแล้ว แม้จะไม่100% แต่ตนก็ทำไว้เยอะเหมือนกัน ฉะนั้น หากได้รับการสานต่อมันก็จะแก้ไขได้ ส่วนที่ตนห่วงและอยากให้ทำต่อก็มีหลายอย่าง คือ เรื่องที่ได้มีการวางแผนงานไว้แล้ว เพราะถ้าหยุดก็จะไม่ยั่งยืน
เมื่อถามว่าจะยังไม่ประกาศวางมือใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถึงเวลาก็ว่าเองตอนนี้จำเป็นต้องไปตอบใครเล่า ทำไมอยากรู้มากมายนักหรือ ทำไมต้องชัด ไม่ต้องชัดหรอก ซึ่งชัดอย่างเดียว ผมไม่ไปยุ่งกับเขา
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีนักศึกษาทำประชามติแบ่งแยกดินแดน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้มีการรายงานความคืบหน้าทางคดีแล้ว ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่แต่ตนไม่ต้องการให้เกิดความแตกแยก ส่วนมีพรรคการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ตนไม่ทราบเพราะอยู่ในกระบวนการ เดี๋ยวก็ฟ้องทางคดีเอง เพราะกฎหมายมี หากไม่ทำก็ไม่ได้