วันนี้ (27 มิ.ย.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการรับรายงานตัว ส.ส. ที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเปิดต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 และรับบัตรประจำตัว ส.ส. โดยเมื่อเวลา 09.30 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล นัดหมาย ส.ส.ของพรรครวม 151 คน เข้ารายงานตัวพร้อมกัน
นายพิธา พร้อมแกนนำพรรค เช่น น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล, นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค, นายรังสิมันต์ โรม, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร, นายพริษฐ์ วัชรสินธุ พร้อม ส.ส.หน้าใหม่ เช่น น.ส.รักชนก ศรีนอก มาถึงรัฐสภาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สวมเสื้อยืดที่มีข้อความว่า เราคือผู้แทนราษฎร เรามาจากประชาชน
เป็นเสื้อยืดตัวเดียวกับที่เคยใส่ และข้อความเดิมตอนที่เป็นพรรคอนาคตใหม่ เป็น ส.ส.ที่มาจากประชาชน ครั้งนี้มีลูกทีม 150 คน มากกว่ารอบก่อนที่มี ส.ส.ประมาณ 80 คน เพิ่มมาเท่าตัว
ส.ส.ทุกคนพร้อมทำงาน
นายพิธา กล่าวว่า ตั้งแต่ปิดสภา ไม่ได้เข้าสภา และการเข้ามาทำหน้าที่ ส.ส.รอบนี้ค่อนข้างมั่นใจ ทุกคนมีความรู้และความสามารถ หลายคนเคยเป็นผู้ช่วย ส.ส.มาก่อน สามารถเริ่มต้นทำงานตั้งแต่วันแรก
ส่วนการถือฤกษ์วันนี้เข้ารายงานตัว ส.ส. มาจากเหตุผลอย่างแรกคือเนื่องจากติดโควิด-19 และวันที่ 27 มิ.ย.ยังมีความหมายกับประวัติศาสตร์ชาติไทยพอสมควร น่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดี
ไม่กังวลปมใช้ ม.112 หาเสียง
สำหรับกระแสข่าวว่าอาจจะมี ส.ว.ไม่โหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายพิธา ย้ำว่า ไม่กังวลใจและได้พูดคุยกับ ส.ว.หลายคน ซึ่งมีดุลพินิจเลือกตามบรรทัดฐาน เคยใช้มาเมื่อปี 2562 ที่ได้ประกาศไว้ว่า ถ้าใครรวมคะแนนเสียงได้เกิน 251 เสียง ก็จะโหวตสนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่ฝืนมติ เพราะถือว่าเป็นมติของประชาชน
หาก ส.ว.ยึดหลักการนี้ก็ไม่น่ากังวลใจ โดยไม่ใช่เรื่องว่าจะโหวตหรือไม่โหวตให้นายพิธา แต่ยึดในหลักการที่ถูกต้อง และพรรคก้าวไกลพยายามทลายกำแพงเพื่อทำงานร่วมกับ ส.ว. ซึ่งมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังมี ส.ว.ที่ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น จึงมั่นใจว่าคะแนนโหวตจะมีมากเพียงพอให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และได้โทรศัพท์พูดคุยกับ ส.ว.หลายคนที่ยืนยันจะโหวตสนับสนุนให้ ซึ่งได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในหลายเรื่องที่เป็นข้อกังวลใจ
ยันไม่เลิก ม.112 แค่แก้ไขให้เหมาะกับบริบท
ส่วนแนวทางการแก้ไขมาตรา 112 นายพิธา กล่าวว่า การแก้ไขมาตรา 112 เป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลได้พูดก่อนมีการเลือกตั้ง ในทุกเวทีที่มีการดีเบต และตกผลึกว่าการแก้ไขมาตรา 112 น่าจะเป็นทางออกให้กับสังคมไทย เพราะที่ผ่านมามีการใช้มาตรา 112 เป็นเครื่องมือทางการเมืองและไม่เป็นผลดีกับสถาบันใด
หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การที่จะรักษาสิ่งที่เรารักไว้ คือการแก้ไขให้เป็นไปตามบริบทของสังคมที่เปลี่ยนไป จึงเชื่อว่า เรื่องนี้จะไม่เป็นประเด็นให้กระทบต่อเส้นทางการจัดตั้งรัฐบาลต้องสะดุดลง แต่เมื่อข้อมูลจากหลายฝ่ายอาจจะทำให้คนเข้าใจผิด
ขอยืนยันว่า การแก้ไขไม่ใช่การยกเลิก จากที่ได้พูดคุยกับ ส.ว. รวมถึงหลายฝ่ายก็มีความเข้าใจกันมากขึ้นว่าการจะรักษาระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับประเทศไทย ที่มีการเปลี่ยนผ่านไปเรื่อยๆ
หากมีเงื่อนไขจาก ส.ว. ทำให้ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เตรียมแผนสำรองไว้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า สิ่งน่ากังวลใจมากกว่า คือการที่นำเอาเสียงของประชาชนมาปะทะกับสถาบันโดยตรง เป็นเรื่องไม่เหมาะสมและถือว่าเป็นอันตราย ดังนั้นอย่านำเรื่องใดมาเป็นข้ออ้าง-เงื่อนไข เพราะยังมีหลายเรื่องที่จะต้องช่วยกันแก้ไข
ส่วนกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปมถือหุ้นสื่อ ITV นายพิธา ยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลใจ เพราะเป็นเรื่องระหว่างศาลรัฐธรรมนูญกับอัยการสูงสุด ที่จะพิจารณาตามข้อกฎหมาย
นายพิธา ยังระบุถึงประเด็นโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า ขอรอการประชุมร่วมกับพรรคเพื่อไทยในวันที่ 28 มิ.ย.ก่อนและจะแถลงร่วมกัน
ขณะที่ภาพรวม 7 วันตั้งแต่วันที่ 20-26 มิ.ย. มี ส.ส.ใหม่รายงานตัวต่อสภาฯ แล้ว 336 คน ขาด ส.ส.ที่ยังไม่ไดรายงานตัวอีก 164 คน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เลขาสภาฯ แจงลดยอด ส.ส.เหลือ 499 คน เหตุ “ณธีภัสร์” ต้องคดีเมาแล้วขับถึงที่สุด
“อนุทิน” โต้ซื้อ ส.ส. งูเห่า 6 พันล้าน ไม่แตกแถวโหวตประธานสภาฯ