สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) เผยรายงานเมื่อวันอาทิตย์ (25 มิ.ย.) พบว่า ในปี 2564 คนกว่า 296 ล้านคนใช้สารเสพติด ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 23% นับแต่ปี 2554 นอกจากนี้ ในรายงานยังพบอีกว่า อัตราการผลิตและความต้องการเสพโคเคนเพิ่มขึ้นอย่างสูง และการขนส่งเมธแอมเฟตามี หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อยาบ้านั้น แพร่หลายกว่าเดิม
รายงานยังระบุอีกว่า อัตราการเสพยาที่เพิ่มขึ้นเกิดขึ้นจากอัตราประชากรที่เพิ่มขึ้นเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ในขณะที่จำนวนของคนผู้ที่ได้รับผลกระทบ และทุกข์ทรมานจากการติดสารเสพติดเพิ่มทะยานขึ้นเป็น 39.5 ล้านคน คิดเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นถึง 45% ในระยะเวลา 10 ปี และจากอัตราส่วนนี้ มีผู้เสพยาเสพติดเพียง 1 ใน 5 คนเท่านั้นที่ได้รับการรักษา
ทั้งนี้ การบุกยึดโคเคนมีเพิ่มมากขึ้นกว่าการผลิต ซึ่งหยุดชะงักความต้องการเสพลงไปได้บ้าง ส่งผลให้ความต้องการเสพในตอนนี้ยังไม่เท่ากับความต้องการเสพที่เคยประมาณการไว้ในช่วงยุคทศวรรษที่ 2000
รายงานระบุว่า โลกกำลังเผชิญหน้ากับการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของความต้องการผลิตและความต้องการเสพของโคเคน มีเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ในระดับโลก และอาจมีมากกว่าที่เคยประมาณการเอาไว้ ทั้งนี้ ตลาดของโคเคนส่วนมากอยู่ในภูมิภาคอเมริกา ยุโรปตะวันตกและกลาง และรัสเซีย อย่างไรก็ดี อัตราการเจริญเติบโตของตลาดโคเคนมีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดใหม่ที่แอฟริกา เอเชีย และยุโรปตะวันออกและใต้
ในขณะเดียวกัน 90% ของยาบ้าถูกยึดได้ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอเมริกาเหนือ ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดยาบ้าในภูมิภาคที่เหล่านี้มีขนาดใหญ่ แต่การขนส่งยาบ้าไปยังที่อื่นๆ นั้นก็มีเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน อย่างเช่นในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาตะวันตก
ในรายงานยังระบบุอีกว่า ส่วนใหญ่ยาบ้าที่ยึดได้นั้นผลิตในประเทศอัฟกานิสถาน ซึ่งบ่งชี้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงของตลาดภายในประเทศ โดยประเทศอัฟกานิสถานเป็นแหล่งปลูกฝิ่นกว่า 80% ของโลก ซึ่งส่วนใหญ่ถูกนำมาผลิตเป็นเฮโรอีน ทั้งนี้ ยังคงต้องมีการตรวจสอบต่อไปว่า ยังมีตัวเลขที่สวนทางกันหรือไม่ในการผลิตเฮโรอีนและยาบ้า
ในขณะเดียวกัน มีสัญญาณว่าสงครามในยูเครน อาจจะกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวของการผลิตและขนส่งยาเสพติด เพราะในภูมิภาคนี้มีศักยภาพในการผลิตและเริ่มมีตลาดยาเสพติดที่กำลังใหญ่ขึ้น
ที่มา: